TOUCH IT - KAISOO
TOUCH IT
[KAISOO]
HOSPITAL IN SECRET
Shh…
ลานจอดรถโรงพยาบาล K
ภายในลานจอดรถ บริเวณหลังเสาขนาดใหญ่ของอาคารโรงพยาบาล มีพื้นที่ที่ซึ่งเป็นมุมอับและเป็นบริเวณที่ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามักจะไม่ทันสังเกตเห็นกันซักเท่าไหร่ แต่ในตอนนี้และเวลานี้มีผู้ชายในช่วงอายุ 20-30 ปีสองคนที่มีระดับความสูงของร่างกายไล่เลี่ยกันกำลังยืนสนทนาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่างด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ผู้ชายที่มีรูปร่างผอมบางกว่าและสวมแว่นตากรอบดำล้วงมือลงไปกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์เพื่อหยิบกล่องกระดาษสีดำด้านคาดเขียว ‘Marlboro black menthol’ ขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือและไฟแช็กขึ้นมา นิ้วหัวแม่โป้งดันฝากล่องออกและใช้มืออีกอย่างหยิบมวนบุหรี่สีขาวหนึ่งมวนแล้วเก็บกล่องบุหรี่ลงที่กระเป๋าด้านหลังของกางเกงตามเดิม มือขวายกมันขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากอิ่มด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางที่คีบเอาไว้ แชะ..ส่วนมือซ้ายที่จับแท่งบรรจุเชื้อเพลิงนั้นจ่อไฟแช็กที่ปลายมวนบุหรี่จนเกิดประกายไฟลุกพรึ่บและสว่างวาบบนปลายโลหะสีเงิน ปลายมวนกระดาษสีขาวซึ่งซุกซ่อนใบยาสูบแบบเส้นเอาไว้ข้างในเริ่มเกิดการเผาไหม้อย่างช้าๆ
มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในหมู่สังคมผู้ชายส่วนใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ที่จะสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไหนหรือเวลาใดก็ตาม เรียกได้ว่าทุกคนในสังคมของประเทศนี้ต่างก็เห็นกันจนชินตาไปแล้ว
นักแสดงหนุ่มที่ได้ผลโหวตว่ามี ‘ความน่ารักที่ไม่จำเป็นต้องทำแอกโย’ มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งจากสาวๆ วัยรุ่นยันวัยทำงานที่ร่วมโหวตบน SNS นั้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้เจ้าตัวจะดูเท่และมีความดิบเถื่อนบาดใจเพิ่มมากขึ้นยามที่มือเรียวยกมวนทรงกระบอกจรดริมฝีปากก็ตาม
แต่น่าแปลก ความน่ารักกลับเล็ดลอดฉายแสงแผ่กระจายอย่างเป็นธรรมชาติออกมาอีกจนได้
ปลายคางมนเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากรูปหัวใจค่อยๆ สูดอัดเอาสารนิโคตินเข้าปอดและค่อยๆ ปล่อยสายควันสีเทารูปวงกลมโดนัทออกมาอย่างช้าๆ พร้อมๆ กับที่ผู้ชายอีกคนที่รูปร่างหนากว่าได้กลิ่นหอมจัดค่อนไปทางฉุนของมิ้นต์เย็นๆ ซึ่งเป็นกลิ่นที่เจ้าตัวคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นเป็นเพราะว่า นักแสดงในความดูแลของเขาคนนี้มักจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบในช่วงเวลาที่คิดไม่ตกและเครียดเสมอ
ฟู่ว…
“รู้แล้วน่าพี่บอมซิล” เรียวปากอิ่มเผยอออกและขยับตามการเปล่งเสียงพร้อมๆ กับปล่อยไอควันสีหม่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นสีดำทรงแฟชั่นทั่วไปเหลือบมองไปทางประตูกระจกบานเลื่อนอัตโนมัติขนาดใหญ่พลางขบคิดอะไรบางอย่าง
สถานที่ที่ทำให้เขานึกถึงใครบางคน
“นี่! นายรู้ใช่ไหมว่าถ้านายทำพลาดอีกครั้ง ผู้กำกับลีกับบริษัทเล่นงานนายแน่ๆ แล้วตัวพี่เองจะพลอยเสียเครดิตไปด้วยนะ”
“…” คยองซูไม่ตอบอะไร กลุ่มหมอกควันเล็กๆ ที่เกิดจากการสูบสารนิโคตินเข้าปอดผ่านมวนบุหรี่มวนนั้นยังคงถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ ผ่านประตูเนื้อหยุ่นสีอมชมพู ดวงตากลมโตยังคงมองไปทิศทางที่ตั้งของประตูที่มีป้ายขนาดใหญ่เขียนคำ ‘Emergency’ ตัวสีแดงเอาไว้อย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่บอมซิลเอ่ยออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
ใครบางคนที่เขา…ไม่มีวันลืมลงได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม
เมื่อสองวันที่แล้ว - ในขณะที่กองถ่ายของภาพยนตร์เรื่อง Suspect ตั้งกองและถ่ายทำคิวบู๊ในฉากที่ตัวพระเอกของเรื่องขับรถถอยหลังลงเนินบันไดอยู่นั่นเอง ‘โด คยองซู’ นักแสดงชื่อดัง ผู้รับบทบาทเป็นสายลับจากเกาหลีเหนือที่หนีการตามล่าของประเทศต้นสังกัด เจ้าตัวเกิดผิดคิวเพราะมีอาการเคืองตาที่คาดว่าน่าจะมาจากการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน ทำให้ตัวรถซีกข้างคนขับกระแทกกับแบริเออร์คอนกรีต จนนางเอกที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับได้รับบาดเจ็บแขนหักต้องเข้าเฝือกทันที แต่ตัวเขาเองดันมีอาการฟกช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดอย่างไม่คาดคิดนี้เองทำให้ผู้กำกับลีหัวเสียเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเดินทางเพื่อเข้าไปคุยกับทางบริษัทต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่มด้วยตัวเอง
เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ โว๊ะ ซวยฉิบหาย
เมื่อเรื่องมันใหญ่มาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านประธานบริษัทก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป ท่านจึงมีใบสั่งผ่านผู้จัดการส่วนตัวให้เขาไปจัดการแก้ปัญหาเรื่องสายตาเสียให้เรียบร้อยก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่กว่านี้
“วันนี้นายเข้าไปตรวจเช็คสายตาคนเดียวไปก่อนนะ พี่คงอยู่รอเป็นเพื่อนไม่ได้ เพราะว่าพี่ต้องคุยกับทางตัวแทนของสินค้า E ที่เขาจะจ้างนายเป็นพรีเซนเตอร์ก่อนในเรื่องของสัญญา ตัวพี่เองติดต่อและนัดคุณหมอล่วงหน้าไว้ให้นายแล้ว นายก็แค่เข้าไปทำประวัติกับตรวจนิดๆ หน่อยๆ แค่นั้น”
“…”
อ่าห์…ที่นี่จะใช่โรงพยาบาลที่จงอินทำงานอยู่ไหมนะ?
“ย่าห์!! นี่นายยังฟังพี่อยู่รึเปล่า?”
“อืม ฟังอยู่ครับ” คยองซูพูดรับปากส่งๆ ไปอย่างนั้นเพื่อตัดความรำคาญหลังจากโดนเมเนเจอร์รุ่นพี่ตวาดแว้ดเสียงดังใส่กลางลานจอดรถแน่ๆ เวลาพี่บอมซิลโมโหทีนี่เจ้าตัวก็ไม่สนหน้าไหนใครทั้งนั้น จะตะโกนด่าไงใครจะทำไม กล้ามีปัญหาเหรอ?
ถามว่าโดคยองซูคนนี้เคยแคร์มั้ย? -- ก็ไม่ ทำหูทวนลมน่ะดีที่สุดแล้ว
มือเรียวโยนก้นกรองบุหรี่ซึ่งมีตัวยาเส้นเหลือเล็กน้อยลงบนพื้นคอนกรีตแล้วเหยียบขยี้มันด้วยพื้นยางของรองเท้าผ้าใบสีดำเพื่อให้ไฟที่เผาไหม้บนตัวมวนบุหรี่นั้นมอดดับลง
ผู้จัดการส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อไล่ความเหนื่อยหน่ายใจที่มีต่อนักแสดงภายใต้ความดูแลออกไป เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนพรูลมหายใจออกเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงและมีสติมากขึ้น หลังจากนั้นจึงพูดอธิบายให้คยองซูฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าตัวจะต้องทำในวันนี้อีกครั้งพร้อมกับยื่นซองกระดาษฟรอยด์สีเงินเล็กๆ ส่งให้เพื่อให้เจ้าคนดื้อด้านใช้มันในการดับกลิ่นบุหรี่ในปาก
หลังจากที่พี่บอมซิลสาธยายเสร็จสรรพ ผู้จัดการร่างอวบรีบสาวเท้าเดินกลับไปที่รถตู้และรีบขับรถออกไปทันทีเพื่อไปยังสถานที่ที่เจ้าตัวได้นัดหมายกับตัวแทนสินค้าที่จะจ้างนักแสดงในความดูแลของเขาเป็นพรีเซนเตอร์อย่างทันเวลานัดหมาย ส่วนคยองซูยังคงยืนอยู่บริเวณนั้นตามลำพังสักพักเพื่อให้หมากฝรั่งในช่องปากหมดความหวานเสียก่อน
เมื่อความหวานจากน้ำตาลในเนื้อหมากฝรั่งเจือจางจนหมดลงแล้ว เจ้าของเรียวปากอิ่มจึงคายก้อนยางสังเคราะห์ออกมาใส่บนซองกระดาษฟรอยด์ที่เคยใช้ห่อหุ้ม จัดการพับม้วนกระดาษเพื่อปิดบังเนื้อยางสีขาวขุ่นและเก็บเอาไว้ในกำมือ ชายผู้มีความสูงราวๆ 173 cm. ในชุดเสื้อผ้าโทนดำทั้งตัวล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาเดฟ หยิบเอาหน้ากากอนามัยสีขาวขึ้นมาสวมลงบนใบหูทั้งสองข้าง จัดตัวเนื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางรับกับกรอบหน้าและสันจมูกเพื่อปิดบังสายตาจากผู้คน
ถึงจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ต้องตกเป้าสายตาและมักจะถูกผู้คนมองตรงมายังตัวเขาด้วยหลากหลายความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นคยองซูก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเขาตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ในวงการมายานี้เอง
นักแสดงชื่อดังยังคงตั้งปักหลักร่างกายด้วยอาการนิ่งสงบ แต่ภายในสมองนั้นกลับมีความคิดร้อยพันล้านแปดตีกันวุ่นวายไปหมดจนทำให้สับสนอยู่ไม่น้อย คยองซูคิดไม่ตกเลยว่าถ้าสมมติแพทย์เจ้าของไข้ที่ทำการรักษาสายตาของเขาเกิดเป็นจงอินขึ้นมาจริงๆ เขาจะกล้าสู้หน้าเจ้าตัวได้ยังไง
เอาวะ ถ้าบทมันจะวิ่งหนีแต่หนีไปไหนไม่พ้นละก็ ดับเครื่องพุ่งชนมันเลยละกัน
วงการมายา วงการที่สานต่อความฝันในการเป็นนักแสดงมากความสามารถให้เป็นจริง และทุกวันนี้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางสายนี้แล้ว
แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็กลับกลายเป็นวงการที่ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหลือเกิน ถึงจะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนรายล้อม ถึงจะมีแฟนคลับมากมายมอบความรักให้แก่เขา แต่หัวใจของคยองซูกลับโหยหาและคิดถึงจงอินอยู่ตลอด
ความเห็นแก่ตัว ทำให้เขาเลือกหนทางเพื่อสานฝันของตัวเอง โดยเผลอพลั้งหลงลืมและไม่คำนึงถึงความรู้สึกของใครอีกคนนึงไป
น่าสมเพช…ตัวเขานี่มันช่างน่าสมเพชสิ้นดี
ไม่กล้าที่จะกลับไปเจอหน้า ไม่กล้าที่จะกลับไปสบสายตาเหมือนแต่ก่อน แม้แต่งานแสดงความยินดีหลังบัณฑิตตัวโตเรียนจบ เขาเองก็ทำได้แค่ยืนหลบมุมและมองดูอยู่ห่างๆ พร้อมกับในกำมือมีช่อดอกไม้ที่เริ่มจะเหี่ยวเฉาอย่างรู้สึกปวดหน่วงในหัวใจ
ต่อให้เขาอยากจะยื่นช่อดอกไม้นี้ให้กับมือของจงอิน อยากโอบกอดและลูบไล้แผ่นหลังกว้างพร้อมกับพูดกระซิบว่า ‘ยินดีด้วยนะ’ ข้างๆ หูให้คนตัวสูงได้ยินมากแค่ไหน
แต่ทว่า…คยองซูคนนี้ก็ทำมันไม่ได้
คงจะเป็นความจริงในเรื่องที่ว่า ความคิดถึงทำให้นาฬิกาหัวใจของใครสักคนเดินช้าลงได้ แม้ว่าความจริงนั้น ทั้งเข็มยาวและเข็มสั้นบนหน้าปัดจะยังคงเดินด้วยอัตราความเร็วปกติอยู่ก็ตาม
5 Years ago
ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวของหอพักสำหรับนักศึกษาชาย ภายในห้องเต็มไปด้วยกองตำราซึ่งใช้ภาษาเฉพาะที่เข้าใจได้ยาก เพียงแค่เปิดอ่านหน้าแรกหรืออ่านแค่ประโยคแรกก็ใช้สมองประมวลผลทำความเข้าใจกับเนื้อหาไม่ได้เลย เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนอย่างเขา คนที่เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์แต่ดันมีแฟนเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ปี 2
ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งสาธยายสภาพห้องที่เราอาศัยอยู่ด้วยกันในฐานะ ‘แฟน’ เสียหน่อย แต่นี่คงเป็นวิธีเดียวละมั้งที่คยองซูจะใช้มันเลี่ยงบรรยากาศมาคุและอึดอัดแบบนี้ไปได้ด้วยการมองไปรอบๆ ห้องแทนที่จะสบตากับร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนตรงโต๊ะอ่านหนังสือและเจ้าตัวก็นั่งหันหน้ามาจ้องมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังนั่งทิ้งตัวพิงโซฟาอย่างเหม่อลอย
ความอึดอัดแบบนี้และภายในวันนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้า ‘คิม จงอิน’ ไม่ดันไปบังเอิญแอบได้ยินแฟนของตัวเองพูดคุยกับเมเนเจอร์ของบริษัทเอเจนซี่และค่ายหนังยักษ์ใหญ่ที่ปั้นนักแสดงชื่อดังออกมามากมายภายในห้องสตูดิโอสำหรับนักศึกษาของคณะศิลปกรรมศาสตร์ เพราะว่าจงอินตั้งใจมารอรับคยองซู(ที่น่าจะซ้อมการแสดงละครเวที) เพื่อพาไปกินข้าวด้วยกันเพื่อฉลองด้วยกันสองคน เนื่องจากวันนี้จงอินเพิ่งจะสอบแล็บ anatomy เสร็จด้วยคะแนนสูงสุดของเซคชั่น
แต่แล้วนัดทานข้าวเย็นนี้ก็กลายเป็นหมัน เพราะว่าจงอินดันได้ยินคำพูดอธิบายเนื้อหาสัญญาสำหรับคนที่จะมาเซ็นเป็นนักแสดงของเมเนเจอร์คนนั้น…
เนื้อหาของสัญญาที่ระบุเอาไว้ว่าห้ามให้นักแสดงในสังกัดมีแฟนภายในช่วงระยะเวลา 4 ปี หรือถึงจะมีแฟนที่คบกันอยู่ก่อนแล้วก็ต้องเลิกรากันไปซะ ซึ่งจุดประสงค์แท้จริงก็คงไม่ต่างไปจากการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมหรืออาจจะคล้ายๆ กับพวกปัญหาแม่สามีและลูกสะใภ้ที่แม่สามีใจร้ายมักจะกีดกันลูกสะใภ้ทุกทาง
ถามหน่อยเหอะ ต่อให้เป็นเทวดาหรือเป็นพระอิฐพระปูนมาจากไหน ได้ยินแบบนี้ร้อยทั้งร้อยมันก็ทนทำเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินไม่ไหวหรอก แฟนที่เขารักมากทั้งคนเลยนะ
อึดอัด คำๆ นี้คือคำนิยามให้กับบรรยากาศและสิ่งที่กำลังจะเป็นไปอยู่ในขณะนี้
ร่างสูงผู้มีผิวสีแทนลุกออกจากเบาะของเก้าล้อเลื่อน เดินตรงไปยังอีกฝั่งเพื่อทอดกายลงนั่งข้างๆ ร่างเล็กที่ยังคงจ้องมองโคมไฟที่ติดตั้งอยู่บนเพดานห้อง มือหนาเลื่อนไปกอบกุมมือเล็กของคนข้างกายเพื่อหวังและต้องการคำตอบที่ช่วยปลอบใจออกมาจากปากแฟนรุ่นพี่ว่า ‘ฉันเลือกนาย จงอิน’
ถึงแม้ลึกๆ แล้วสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้มันมีโอกาสที่ถ้าลองเทียบกับเปอร์เซ็นต์ได้ก็ถือว่าน้อยมาก และเขาเองก็รู้ดีว่าคำตอบที่จะออกมาจากเรียวปากอิ่มนั่นคือคำตอบที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่จงอินคาดหวังอยากจะได้ยินมากที่สุด
ความหวัง คือ อันตรายประเภทหนึ่งที่เหมือนกับมีดปอกผลไม้ มีดเล่มเล็กๆ ที่ค่อยๆ กรีดหัวใจจนเป็นแผลเหวอะทีละน้อย ทีละน้อย
'พี่ครับ พี่ไม่เป็นนักแสดงไม่ได้เหรอ'
'จงอินนา นายก็รู้นี่ว่าพี่อยากเป็นนักแสดงมากแค่ไหน แล้วโอกาสก็มาอยู่ตรงหน้าพี่แล้วนะ’
ในที่สุดคยองซูก็เลิกแหงนหน้ามองเพดานหันมาสบตาตรงๆ กับแฟนเด็กที่นั่งจับมือเขาด้วยการสอดประสานนิ้วทั้ง 5 อย่างแนบแน่น ทำราวกับว่าเขาจะลาจากและหายตัวไปตลอดกาลยังไงยังงั้นแหละ
ซึ่งจริงๆ แล้ว…มันก็ใช่
‘แล้วผมล่ะ พี่จะทิ้งผมไปจริงๆ …ใช่มั้ย?’
‘จงอิน จงอินฟังพี่ก่อนนะ พี่ไม่ได้จะทิ้งจงอิน แต่ว่า…’
‘แต่ว่าสัญญาบ้าบออะไรนั่นมันบังคับให้พี่ต้องเลิกกับผม!!’
เจ้าของน้ำเสียงทุ้มติดขึ้นจมูกตะโกนออกมาเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง ฟางแห่งความอดทนเส้นสุดท้ายสำหรับจงอินขาดผึง เขาไม่คิดอดรนทนเก็บความรู้สึกอีกต่อไป นี่เป็นครั้งแรกที่คยองซูเห็นจงอินฟิวส์ขาดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนใจเย็น มีเหตุผลเสมอ และเก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่งมากแท้ๆ
‘จงอินนา ฟังพี่ก่อน คือพี่--’ คยองซูพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะสั่นเครือ ภายในดวงตากลมเริ่มมีม่านน้ำบางๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแฟนรุ่นน้องตวาดใส่ด้วยแรงอารมณ์และนั่นทำให้เขาตกใจมากจนแทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่ โอกาสที่จะได้ทำตามความฝันมันลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วแต่ครั้นจะให้เขาเลือกจงอินและทิ้งความฝันของตัวเอง เขาก็ทำไม่ได้
‘พี่ต้องเลือกแล้วล่ะครับ ระหว่างผมกับความฝันของพี่’
คำถามที่เปรียบเสมือนกับคำถามจากปากของผู้พิพากษาส่งต่อให้จำเลยในชั้นศาล
เป็นคำถามที่จำเลยไม่อยากจะตอบเลยสักนิด เพราะไม่ว่าจำเลยอย่างเขาจะเลือกคำตอบแบบไหน ระหว่างคนที่เขารักกับความฝันที่เขาวาดเอาไว้ สุดท้ายคยองซูก็ต้องเสียอีกอย่างไปอยู่ดี ไม่มีทางที่จะรักษาทั้งสองสิ่งนี้เอาไว้ในอุ้งมือของเขาได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงัก ภายในห้องเงียบงันแม้แต่เสียงลมหายใจของอีกฝ่ายก็แทบจะไม่ได้ยิน ทว่าโสตประสาทของคยองซูกลับได้ยินเสียงตะโกนก้องด้วยความเสียใจและเจ็บปวดจากอีกคนโดยที่เจ้าตัวไม่ปริปากเปล่งเสียงอะไรออกมาเลยแม้สักนิด
นี่คือครั้งแรกที่จำเลยอย่างคยองซูเกิดรู้สึกโลเลและสับสน นึกคิดและตัดสินใจอะไรไม่ได้เลยสักนิด กลีบปากอิ่มขบเม้มโดยฟันซี่คมจนเจ้าของรู้สึกได้ถึงรสสนิมในปาก
จงอินจ้องมองเข้าไปข้างในดวงตาคู่สวยแล้วพบว่า แฟนรุ่นพี่ของเขานั้นสับสนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องด้วยแววตาที่สั่นระริกไม่มั่นคงนิ่งสงบอย่างเก่า และนั่น..ทำให้เจ้าของผิวสีแทนสวยตัดสินใจเลือกทางเดินให้กับพี่คยองซูด้วยหัวใจที่แสนจะเจ็บปวดและทรมาน นั่นเพราะว่าเขาไม่อยากกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่เอาแต่จับมือและรั้งตัวร่างบางไว้ในอ้อมกอดไม่ยอมปล่อย ราวกับสร้างกรงขังไม่ให้เจ้าตัวได้โบยบินเพื่อไปทำตามความฝันและมีชีวิตเป็นของตัวเอง
จงอินไม่อยากเป็นคนแบบนั้นในสายตาของพี่คยองซู และเขาคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่ควรจะปล่อยมือเล็กๆ นุ่มนิ่มมือนี้ไปเสียที
‘พี่ไปเถอะครับ เก็บของออกไปจากห้องเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ’
เป็นประโยคบอกเลิกที่ไม่มีคำว่า ‘เลิก’ แม้สักคำเดียว แต่ก็เป็นประโยคที่ทำให้ต่างคนต่างรู้ว่าเส้นทางเดินต่อจากนี้ ไม่มีคำว่า ‘เรา’ อีกต่อไป
สิ้นทำนองของน้ำเสียงทุ้ม คิมจงอิน นักศึกษาแพทย์ชั้นปี 2 ก็ปล่อยมือจากแฟนตัวเล็กด้วยหัวใจที่รวดร้าว ร่างสูงพยายามลุกขึ้นจากการนั่งอิงแอบแนบชิดกับคนที่กำลังจะกลายเป็นแฟนเก่าด้วยร่างกายที่หนักไปด้วยความรู้สึก พยายามเก็บอาการสั่นเทาตรงช่วงขายาวของตัวเอง ริมฝีปากหยักขบเม้มแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นและคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ ไม่ให้พี่คยองซูรู้ว่าเขานั้นมันก็เป็นแค่คนอ่อนแอที่ฝืนทำตัวเข้มแข็ง ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปจับลูกบิดประตู เปิดมันออกและปล่อยให้มันปิดตัวเองจนเกิดเสียงดังลั่น
ปึง!!
พอพ้นออกมาจากห้องที่อดีตแฟนยังคงนั่งอยู่บนโซฟา ช่วงขายาวถูกใช้ให้วิ่งออกจากตรงนั้นอย่างเร็วที่สุด สมองมันไม่ทันคิดหรอกว่าจะต้องพาหัวใจอันบอบช้ำไปนั่งร้องไห้ที่ไหนดี รู้แค่ว่าตอนนี้เขาบังคับไม่ให้สายน้ำที่เอ่อล้นไหลออกมาจากกระบอกตาของตัวเองไม่ได้เลย ส่วนร่างบางที่นั่งอยู่ในห้องก็มีสภาพไม่ต่างกัน ก้มหน้าลงแนบกับหัวเข่าจนเนื้อผ้าเปียกชุ่มด้วยน้ำตาเป็นดวงกว้าง
ตัดขาดสายใยแห่งความสัมพันธ์ทั้งๆ ที่ยังรักนี่มัน…เจ็บปวดใจดีเหมือนกัน
หลังจากวันนั้น ต่างคนต่างไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ต่างคนต่างยุ่งกับหน้าที่ที่ตัวเองเป็นอยู่ ห่างหายกันไป ไม่พูดคุยและไม่ติดต่อทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็ยังเมมเบอร์มือถือของกันและกันเอาไว้และไม่เคยคิดที่จะลบมันออกไปจากเครื่อง แต่ทว่าแม้กระทั่งเมสเสจด้วยประโยคสั้นๆ ในวันเกิดของกันและกันก็ยังไม่เคยส่งไปถึงใครอีกคนทั้งๆ ที่ก็กดพิมพ์ข้อความอวยพรเอาไว้ขนาดเท่าเรียงความ แต่กลับไม่กล้าส่งให้อีกคนได้รับรู้
เพราะจงอินกลัว…กลัวว่าถ้าตัวเองใจอ่อน กลัวว่าตัวเองห้ามใจไม่ไหว วิ่งกลับเข้าไปหาและโอบกอดพี่ตัวเล็กอย่างที่เขาชอบทำในวันเกิดของอีกฝ่าย ตัวเขาอาจจะกลายเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับคนที่ยืนอยู่ในที่สว่างแบบพี่คยองซู
เพราะคยองซูกลัว…กลัวว่าถ้าเขาผิดสัญญากับต้นสังกัด แอบกลับไปพูดคุยและคบหากับจงอินอีก ในขณะที่ตัวเขาก็ยังอยู่ท่ามกลางวงการมายาที่ซึ่งไม่มีอะไรที่ปิดบังสายตาจากพวกตากล้องของสำนักข่าวดิสแพทและสำนักข่าวบันเทิงเจ้าอื่นได้อยู่แล้ว ทั้งอนาคตในอาชีพที่เขาฝันใฝ่มานานและหนทางที่จะกลับไปคบหากับจงอินในฐานะแฟนอีกครั้งก็จะต้องมืดมนดับแสงลงอย่างแน่นอน และผลลัพธ์มันจะออกมาไม่ดีแน่ถ้าเขาคิดและตัดสินใจไม่รอบคอบถี่ถ้วน
หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แผนกจักษุวิทยา ชั้น12 โรงพยาบาล K
คยองซูเดินออกจากลิฟต์โดยสารด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น แต่เจ้าตัวยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้ใครเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว สมกับที่เป็นนักแสดงดาวรุ่งฝีมือเยี่ยมในวงการบันเทิงเกาหลี จมูกโด่งสวยได้รูปสูดดมกลิ่นโรงพยาบาลจางๆ ที่มีกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อ แอลกฮอลล์ สำลี ปะปนรวมกันเป็นกลิ่นเดียวเพื่อให้เจ้าตัวรู้สึกคุ้นชินกับสถานที่
“ครับ ที่คุณบอมซิลติดต่อไว้น่ะครับ” ร่างเล็กในชุดโทนดำปลดสายหน้ากากอนามัยออกจากใบหู เอ่ยถามกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสาวในชุดสีขาวที่นั่งประจำการตรงเคาน์เตอร์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ เธอเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลที่ยืนเท้าแขนข้างเดียวกับพื้นหินอ่อนก่อนที่จะลอบยิ้มน้อยๆ เพราะเธอจำได้ว่าคนๆ นี้เป็นนักแสดงชื่อดัง แต่เธอต้องเก็บอาการเอาไว้ก่อนเพราะยังอยู่ในช่วงเวลาทำงาน
“กรุณารอสักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยตอบกลับและก้มหน้าลงเช็คแฟ้มเอกสารทันทีเพื่อค้นหารายละเอียดนัดหมายล่วงหน้าทางโทรศัพท์
“เชิญคุณคยองซูทำประวัติคนไข้และตรวจร่างกายเบื้องต้นที่ห้อง 1203 ก่อนนะคะ”
“ครับ”
“หลังจากนั้นคุณคยองซูนั่งรอก่อน สัก 5 นาทีนะคะ แล้วพยาบาลที่ทำการตรวจร่างกายจะส่งประวัติไปให้คุณหมอที่จะตรวจอาการคุณอีกทีนะคะ”
“ครับ”
คยองซูเอ่ยรับคำที่คุณเจ้าหน้าที่พูดอธิบายขั้นตอนเบื้องต้นอย่างสุภาพ ร่างเล็กพาตัวเองไปที่ห้อง 1203 เพื่อทำประวัติคนไข้และตรวจร่างกายเบื้องต้นเพราะเขาไม่เคยมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาก่อนโดยคุณพยาบาลสาวใหญ่ที่ดูดุและน่าเกรงขาม เมื่อตรวจและทำอะไรเสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวก็พาร่างมาทอดกายนั่งลงที่หน้าห้องเพื่อรอเวลาที่จะต้องไปพบคุณหมอแบบจริงจังเสียที
“คุณคยองซูคะ”
“ครับ?”
“นี่คือแฟ้มประวัติของคุณค่ะ แล้วคุณก็เดินไปที่ห้อง 1208 นะคะ คุณหมอคิมจงอินรอพบอยู่ที่ห้องค่ะ”
ห้ะ! อะไรนะ!
ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่เขาคาดไว้ดันจะเกิดเป็นจริงทั้งๆ ที่เขาก็ยังไม่ทันได้พูดอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าเลยด้วยซ้ำ นี่ไม่เจอหน้ากันมาตั้ง 5 ปี คยองซูไม่ปฎิเสธหรอกว่าอยากเจอและคิดถึงอีกฝ่ายมากแค่ไหน มากจนใจจะขาด มากจนแทบจะบ้าตาย แต่จู่ๆ กลับต้องมาเผชิญหน้ากันโดยที่ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจนี่มันออกจะกะทันหันไปหน่อย
5 ปีที่ผ่านมาหัวใจของคยองซูถูกปิดตายโดยเจ้าของและมันไม่ยอมเปิดรับใครเข้ามาอีก ก้อนเนื้อในหน้าอกข้างซ้ายมันมีแค่คนๆ เดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ และต่อให้เขาจะคิดถึงจงอินมากแค่ไหนแต่ก็ไปหาอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี…คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนี่แม่งโคตรทรมานเลยว่ะ
คยองซูคิดถึงกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ Escentric Molecules - Molecule 01 เป็นน้ำหอมที่จงอินใช้ฉีดพรมทั่วตัวเป็นประจำก่อนออกจากห้อง เป็นกลิ่นอ่อนๆ ที่หอมสะอาด ไม่หนักและไม่ฉุนกึกจนเกินไป มีกลิ่นหอมเหมือนได้สูดดมอากาศสดชื่นใต้ต้นไม้แห้งๆ เป็นกลิ่นหอมแบบอบอุ่นเชิญชวนให้คนที่ได้กลิ่นนี้เข้าไปซุกกอด แต่เมื่อได้สูดดมเข้าไปให้เต็มปอดแล้ว คยองซูกลับมีความรู้สึกว่าคนที่ใช้มันอยู่ทุกวัน และใช้ในตอนที่เรายังอยู่ด้วยกันนี่…เซ็กซี่เป็นบ้า
แต่เขาไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้จงอินจะยังใช้น้ำหอมกลิ่นนี้และใช้ยี่ห้อนี้อยู่มั้ย
ใช่ ที่เขาพูดมาทั้งหมด เพราะเขาคิดถึงกลิ่นน้ำหอมแบบนี้ คิดถึงการโอบกอดและการแนบหน้าลงไปซบกับแผ่นหลังกว้างๆ ของคนตัวสูงคนนั้น
และใช่…คยองซูคิดถึงจงอินมากเหลือเกิน คิดถึงมากจริงๆ
คยองซูสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมความกล้า มือบางจับลูกบิดแสตนเลสเย็นเฉียบและดึงบานประตูเข้าหาตัวเพื่อเปิดประตูของห้องหมายเลข 1208 หลังจากกอดแฟ้มประวัติตัวเองไว้แนบอกและหยุดยืนมองป้ายชื่อ ‘นพ. คิม จงอิน’ ที่ติดอยู่หน้าประตูห้องอยู่นานหลายนาที เมื่อก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้อง คุณหมอเจ้าของห้องก็เงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะซึ่งล้วนแต่เป็นประวัติการรักษาของตรคนไข้และเอกสารทางการแพทย์ เจ้าของใบหน้าคมเข้มเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“สวัสดีครับ อ๊ะ!..อ่า พี่--”
“อะ..เอ่อ สวัสดี”
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้องทันทีที่คยองซูเอ่ยทักทายตอบกลับคุณหมอไปด้วยท่าทีตะกุกตะกักและเนียมอายอย่างที่เจ้าตัวไม่ค่อยเป็นให้คนอื่นเห็นบ่อยนัก ส่วนคุณหมอจงอินก็ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ล้อเลื่อนของเจ้าตัวแต่ดวงตายังคงจ้องมองร่างบางอย่างไม่ละสายตา มือหนาข้างนึงผายออกเป็นเชิงว่าให้ร่างบางนั่งลงตรงข้ามเขาในฐานะคนไข้คนใหม่ในวันนี้
เจ้าของฉายา ‘นักแสดงผู้ไร้ข่าวฉาว’ หย่อนตัวลงนั่งกับเก้าอี้ล้อเลื่อนด้วยท่าทีแสนประหม่า
คยองซูนั่งกำมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อและบีบๆ คลายๆ บีบๆ คลายๆ อยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ ทำได้แค่กวาดตามองไปรอบๆ ห้องตรวจที่มีผนังห้องเป็นสีขาวทั้งหมด มีตู้ไม้เนื้อดีขนาดกลางและโซฟาเบดหนังสีเทาตั้งอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะทำงานของคุณหมอจงอินเท่าไหร่นัก ซึ่งน่าจะเอาไว้ใช้ในการเก็บของส่วนตัวกับพวกเอกสารและตำราแพทย์ต่างๆ เมื่อมองไปยังฝั่งตรงข้ามกับตู้ก็เห็นว่าในบริเวณนั้นมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่น่าจะเอาไว้ใช้ในการตรวจและวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับดวงตาตั้งอยู่ด้วย
คยองซูพยายามแล้ว พยายามที่จะไม่มองเจ้าของป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง 1208 แล้ว แอบสะบัดหน้าเพื่อไล่ความรู้สึกนี้ออกไปก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่าความคิดถึงที่เขาพยายามเก็บซ่อนใส่ลิ้นชักหัวใจเอาไว้มาตลอดกลับดื้อดึงและบังคับให้ดวงตาแบบ Round Eyes ติดตรึงอยู่กับนายแพทย์เจ้าของไข้อย่างไม่ละจุดโฟกัสแม้แต่วินาทีเดียว และคนๆ นี้ยังคงเป็นเจ้าของหัวใจคยองซูในตลอดเวลาที่ผ่านมา
ดวงตาสองชั้นแบบ Almond Eyes คู่สวยคู่เดิมที่มีพลังดึงดูดมากมายเสียเหลือเกิน เส้นผมเส้นเล็กละเอียดสีน้ำตาลเข้มและถูกเซ็ทจัดทรงแบบเปิดหน้าผาก จมูกโด่งปลายมน ริมฝีปากหยักหนาเอิบอิ่ม ไรหนวดที่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ จนเป็นแผงสีเขียวอ่อนใต้จมูก สันกรามคมน่าลูบอันเป็นเอกลักษณ์ และผิวสีแทนสวยเสริมความเซ็กซี่ เมื่อมองเป็นภาพรวมแล้ว คิมจงอินจัดได้ว่าเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาและคมเข้มผิดแผกแตกต่างจากผู้ชายเกาหลีโดยทั่วไป และเจ้าตัวยิ่งดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเมื่อคนตัวสูงอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทซึ่งสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดสะอ้านอีกชั้นนึง
โคตรหล่อเลยว่ะ หล่อมาก หล่อจนหัวใจเต้นแรงเลยเนี่ย
“พี่ยังสูบบุหรี่อยู่เหรอ?” คุณหมอหนุ่มซึ่งเงยหน้าขึ้นจากการดูแฟ้มประวัติของอดีตคนรักมานานแล้วเอ่ยถามอย่างห่วงใยด้วยน้ำเสียงทุ้มดับเบิ้ลเบสเพื่อเรียกสติร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้า เพราะว่าจงอินได้กลิ่นมิ้นต์เย็นๆ แบบเจือจางโชยออกมาจากตัวของพี่คยองซู ซึ่งตัวเขาเองรู้และยังคงจำกลิ่นแบบนี้ได้ดี
“หื้ม?” คยองซูส่ายหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนสู่ร่าง เจ้าตัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ร่างสูงทวนคำถามซ้ำอีกรอบ
“ผมถามพี่ว่า พี่ยังสูบบุหรี่อยู่เหรอครับ”
“อืม ช่วงนี้มันมีเรื่องให้คิดหลายเรื่องน่ะ ก็เลยสูบแก้เครียด”
“พี่ก็รู้นี่ครับว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ ผมบอกพี่หลายรอบละนะ”
“แต่ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยบอกคอยห้ามพี่แบบจงอินนี่นา--”
ไม่รู้ว่าคยองซูพูดอะไรผิดไปรึเปล่า บรรยากาศภายในห้องถึงได้กลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของคนอีกคน คุณหมอเจ้าของผิวสีแทนสวยในชุดกาวน์ก็ยังเป็นคนที่นักแสดงมากฝีมือคาดเดาอารมณ์ไม่ได้อีกเช่นเคย คยองซูไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าเขานั้นคิดยังไงกับคำพูดเมื่อกี้นี้
แต่คยองซูพูดได้เต็มปากเลยว่า ถ้อยคำที่เขาเพิ่งเอ่ยออกไปน่ะ มันถูกกลั่นกรองและส่งตรงออกมาจากหัวใจของเขาจริงๆ
“อ่า…ผมว่าเราควรเริ่มที่การวัดค่าสายตาของพี่ก่อนนะครับ” คุณหมอจงอินพูดเบาๆ และเก็บสีหน้าที่จะแสดงออกถึงความดีใจกับประโยคที่ออกมาจากปากคนไข้ตัวเล็กเมื่อกี้เอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับผายมือไปทางบริเวณข้างหลังซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสายตาวางอยู่
คยองซูไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าลงเล็กน้อย เจ้าตัวเดินตามหลังคุณหมอหนุ่มผิวแทนก่อนจะเดินแซงเพื่อไปนั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อนติดกับโต๊ะที่ตั้งคอมพิวเตอร์และที่วางเครื่องมือต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันนายแพทย์จงอินก็จับเก้าอี้ล้อเลื่อนอีกตัวมานั่งแล้วไถลตัวไปหาคยองซูเพื่อเอื้อมหยิบเครื่อง Autofraction ที่วางอยู่ขึ้นมาจนนักแสดงร่างบางได้กลิ่นน้ำหอมของ Escentric Molecules - Molecule 01 กลิ่นหอมสะอาดและอบอุ่นโชยกรุ่นออกมาจากเรือนร่างสมบูรณ์ในชุดกาวน์
อืม…หอม หอมมากๆ
“กรุณานั่งหลังตรงๆ และอยู่นิ่งๆ สักครู่นะครับ” คุณหมอหนุ่มทรงเสน่ห์พูดกับร่างเล็กออกมาเบาๆ เพื่อให้การตรวจหาระดับค่าสายตาเป็นไปได้ง่ายขึ้นแล้วเจ้าตัวก็เลื่อนไถลเก้าอี้ออกห่างกลับไปยังตำแหน่งเดิม ส่วนคุณนักแสดงนั้นถอดแว่นออกและวางมันอยู่ในอุ้งมือที่วางอยู่บนหน้าตัก ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองคนที่อยู่ในชุดกาวน์และนั่งหลังตรงตามคำสั่ง
แต่ในขณะที่คุณหมอกำลังจะยกเจ้าเครื่องมือAutofraction ขึ้นมานั่นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกด้วยเรียวมือสวยพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างผอมบางในชุดพยาบาลที่เดินเข้ามาในห้อง ในมือของเธอมีแฟ้มเอกสารสีฟ้าซึ่งเธอเอาไว้แนบอก ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างดี มีผิวขาวสว่าง และหน้าตาที่เกลี้ยงเกลาได้สัดส่วน คยองซูรู้สึกนึกชื่นชมผู้หญิงคนนี้ในใจเพราะเธอสวยดูดีมากเลยทีเดียว
“คุณหมอคะ นี่คือแฟ้มผลการตรวจอย่างละเอียดของคนไข้ที่เข้ารับการรักษาโรคพังผืดที่จอตา (Epiretinal membrane) ค่ะ” คุณพยาบาลหน้าหวานก้าวเข้ามาและหยุดยืนไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก รอยยิ้มสวยบาดใจปรากฎขึ้นแก่สายตาหลังจากที่เธอพูดจบ
แค่รอยยิ้มน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่สายตาหวานหยดหยาดเยิ้มมีประกายระยิบระยับที่มองไปยังทางแฟนเก่าของเขาเนี่ยสิที่มันไม่ธรรมดา มันต้องมีอะไรแน่ๆ – คยองซูรู้สึกแบบนี้จริงๆ
“วางบนโต๊ะเลยครับคุณซูจี ขอบคุณนะครับ” คุณหมอจงอินหันหน้าไปตอบคุณพยาบาลซูจี แถมยังส่งรอยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีให้กับคุณพยาบาลสาวคนนั้นอีกด้วย
มันจะมากเกินไปแล้วนะจงอิน แฟนเก่าก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังไม่มีแม้แต่รอยยิ้มมุมปากส่งมาให้พี่สักนิดเลยนะ คยองซูพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ ลิ้นเล็กดุนดันไปตามไรฟันและกระพุ้งแก้ม กลีบปากอิ่มรูปหัวใจขบเม้มเข้าหากันเบาๆ เพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอพูดอะไรที่มันดูไม่ดีออกไปต่อหน้าต่อตาแฟนเก่าเจ้าของผิวสีแทนคนนี้
แต่คยองซูนั้นหารู้อะไรไม่ว่าที่คุณหมอยิ้มน่ะ ยิ้มเพราะว่าคนไข้เจ้าของริมฝีปากรูปหัวใจที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาต่างหาก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนจะห่างเหินและไม่ได้เจอหน้ากัน(แบบตรงๆ) เป็นเวลาตั้ง 5 ปี แต่ก็ใช่ว่าจงอินจะจดจำอิทธิฤทธิ์ความขี้หึงของคุณนักแสดงตัวเล็กไม่ได้ โชคดีที่คุณพยาบาลจีซูมาได้จังหวะพอดี คุณหมอตัวสูงจึงถือโอกาสนี้แกล้งยั่วคุณนักแสดงเจ้าบทบาทคนนี้เสียเลย
และยังมีอีกอย่างที่พี่คยองซูยังไม่รู้…
“อ้อ คุณซูจีครับ”
“คะ?”
“ภายใน1-2 ชั่วโมงนี้อย่าเพิ่งให้ใครเข้ามารบกวนในขณะที่ผมกำลังตรวจคนไข้คนนี้อยู่นะครับ เพราะผมต้องการสมาธิมากๆ ในการตรวจน่ะครับ” จักษุแพทย์หนุ่มที่พ่วงตำแหน่งฉายาคุณหมอสุดฮ๊อตประจำโรงพยาบาลแห่งนี้พูดพร้อมกับมีการส่งสายตาแปลกๆ ราวกับว่าเจ้าตัวส่ง ‘ซิก’ ที่รู้กันแค่สองคนระหว่างเขากับคุณพยาบาล ซึ่งคนไข้หนึ่งเดียวที่นั่งหัวโด่หัวเดียวกระเทียมหลีบในห้องทำได้แค่เอาหัวคิ้วชนกันด้วยความสงสัยเท่านั้น
“ได้เลยค่ะคุณหมอ” คุณพยาบาลสาวสวยขยิบตาลงข้างนึงพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปากและหัวเราะคิกคักเบาๆ อย่างรู้กัน ดวงตาคู่สวยที่ตกแต่งด้วยอายชาโดว์สีชมพูอ่อนส่งสายตาล้อเลียนไปที่คุณหมอเจ้าของห้องตรวจ ก่อนที่สาวเจ้าจะสาวเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป โดยที่คยองซูไม่ทันได้สังเกตเลยว่า..คุณพยาบาลสาวคนสวยแอบกดล็อกประตูห้องตรวจจากด้านใน
คุณพยาบาลอิมซูจี เธอแต่งงานได้ 2 ปีแล้วกับคุณหมอแผนกสูตินารีเวชที่ชื่อว่าลีมินฮยอน แถมยังมีลูกชายซึ่งอายุเพิ่งจะพ้นครึ่งขวบเป็นโซ่ทองคล้องใจอีกต่างหาก
ผิดคาดแหะ ปกติเวลายั่วให้พี่คยองซูหึงเนี่ย เจ้าตัวต้องตรงมาที่ตัวเขาและส่งมือมาทุบรัวๆ หนักๆ สักสองสามทีที่แผงอกแน่นๆ ของเขานี่นา
แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะทำเรื่องที่คาดไม่ถึงให้โดนเจ้าตัวทุบเขาแทนก็ได้
“คุณพยาบาลซูจีน่ะ..แฟนนายเหรอ” เมื่อสาวรูปร่างผอมบางได้เดินออกจากห้องไปแล้ว คยองซูจึงเอ่ยปากถามด้วยระดับน้ำเสียงที่แผ่วเบา เพราะเจ้าตัวก็เริ่มไม่แน่ใจและเริ่มคิดไปเองโดยอ้างอิงจากภาพที่เห็นเมื่อครู่
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าเกิดสิ่งที่เขาคิดเกิดเป็นความจริงขึ้นมา…หัวใจของคยองซูจะทานทนได้หรือไม่
นายแพทย์คิมจงอินยังไม่พูดตอบกลับไปในสิ่งที่เจ้าตัวโดนตั้งคำถามในทันทีทันใด ช่วงขายาวถูกใช้เป็นเป็นฐานในการผลักตัวเองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนให้กระเถิบเขยิบเข้าไปใกล้นักแสดงตัวเล็กอย่างเชื่องช้า ระยะห่างจากราวๆ สองช่วงแขนเริ่มลดระยะลงเป็นหนึ่งช่วงแขน มือข้างซ้ายของร่างโปร่งวางแหมะอยู่บนขอบโต๊ะคอมพิวเตอร์ด้านหลัง ทำให้ลำแขนแกร่งสีแทนพาดทับคนตัวเล็กแบบกลายๆ
ระยะห่างระหว่างเราเริ่มลดลงเรื่อยๆ จนจมูกโด่งสวยได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวอันแสนคุ้นเคยของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน กลิ่นหอมสะอาดแบบไม่ฉุนจัดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Escentric Molecules - Molecule 01 นั้นตอกย้ำและเล่นภาพความทรงจำให้กลับมาฉายซ้ำและเล่นงานตรงเข้าที่ก้อนเนื้อใต้อกข้างซ้ายให้กลับมาเป็นระส่ำอีกครั้ง
กลิ่นน้ำหอมที่ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่คยองซูยังคงจำกลิ่นนี้ได้ดีและพาลทำให้เขารู้สึกโหยหาและอยากได้อ้อมกอดอุ่นๆ จากคนตรงหน้ามากเหลือเกิน
“แล้วพี่..คิดยังไงเหรอครับ” ดวงตาคมสบประสานดวงตากลมอย่างสื่อความหมาย และใบหน้าระหว่างคุณหมอกับคุณนักแสดงนั้นมีระยะทางไม่ถึง 2cm. เสียด้วยซ้ำ
ลมหายใจกลิ่นต้นไม้แห้งกับลมหายใจกลิ่นมิ้นต์เย็นสดชื่นค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง
“คิดว่า--” ยังไม่ทันที่คยองซูจะพูดต่อประโยคให้จบว่า 'คิดว่า ถึงคุณซูจีจะเป็นหรือไม่ได้เป็นแฟนของนาย แต่รู้ไว้นะว่าพี่ยังรักนายอยู่' แต่อดีตแฟนเก่ากลับพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ถ้าพี่คิดว่าคุณซูจีเป็นแฟนของผม--”
“…”
“ผมขอพูดให้พี่ได้ยินแบบนี้ใกล้ๆ และพี่ได้โปรดจดจำในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อจากนี้ไว้ให้ขึ้นใจด้วยนะครับ” เจ้าของสันกรามคมเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกมนเฉียดสัมผัสกับเนื้อแก้มนิ่มของคนที่ตกอยู่ใต้อ้อมแขน
“…”
ราวกับว่าร่างกายและจิตใจกำลังตกอยู่ในภาวะต้องมนต์ ทำเอานักแสดงชื่อดังที่ไม่เคยผิดพลาดในการท่องบทนั้นไปต่อไม่ถูก เพียงเพราะแค่ลมหายใจอุ่นร้อนค่อยๆ รดรินและลากผ่านจากเสี้ยวหน้าด้านข้างลามไปยังใบหู
“คุณซูจีไม่ใช่แฟนของผม และเธอไม่มีวันที่จะแทนที่คนที่อยู่ในใจของผมตอนนี้ได้หรอกครับ”
“…”
“เพราะว่าคนที่อยู่ในใจของผมทั้งที่ผ่านมาและตอนนี้ เขานั่งอยู่ตรงหน้าผม และอยู่ภายในอ้อมแขนของผมแล้วน่ะสิ”
“…”
“พี่ครับ ตอนนี้น่ะ พี่รู้ตัวมั้ยครับว่าทั้งใบหน้าและใบหูของพี่มันแดงมากขนาดไหน”
“มะ..ไม่ใช่นะ”
“พี่ควรรู้ตัวเอาไว้ด้วยนะครับว่า ความอดทนของผมน่ะมันมีขีดจำกัด”
“…”
“และผมก็คิดว่าขีดความอดทนของผมมันหมดลงแล้ว เพราะว่า..ผมอยากฟัดแก้มและอยากจูบปากพี่เป็นบ้าเลยครับ”
“ก็ทำสิ” ลมร้อนจากกลีบปากอิ่มเป่ารดใบหูของนายแพทย์หนุ่มอย่างแผ่วเบา มือเล็กยกขึ้นสัมผัสเข้าที่สันกรามคม เรียกให้คนที่คอยคลอเคลียพูดพร่ำไม่หยุดอยู่ที่ข้างหูของคยองซูนั้นให้ผละใบหน้าออกมามองตากับเขาได้
“หืม?” จงอินส่งเสียงในลำคอพร้อมกับหัวคิ้วชนกันเป็นเชิงตั้งคำถาม ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าสัมผัสที่ทั้งอุ่นและนุ่มจากเรียวมือของพี่คยองซูบนใบหน้าของเขานั้นสื่อความหมายว่าอย่างไรก็ตาม
“เพราะพี่ก็อยากจูบปากนายเหมือนกัน”
ความคิดถึงมันก็คล้ายๆ กับสารเคมีบางชนิดที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงก่อให้เกิดเปลวไฟได้
ยิ่งมีระยะทางของความห่างไกลเป็นองค์ประกอบหลักด้วยแล้ว ยิ่งส่งเสริมให้เชื้อเพลิงตัวนี้มีพลังงานมหาศาล คุณสมบัติของมันคือจุดติด เผาไหม้ ลุกลาม สร้างความดึงดูดให้ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประกบติดกันอย่างร้อนแรง
มือเล็กจิกขยุ้มกลุ่มผมสีเข้มบริเวณท้ายทอยของนายแพทย์หนุ่มแรงขึ้นเมื่อลิ้นหนาทั้งสอดทั้งกว้านไล่ต้อนลิ้นเล็กให้จนมุมและฉกชิงลิ้มรสความหวานที่ขาดหายกันไปนานหลายปี แต่มีหรือที่ลิ้นเล็กจะยอมโอนอ่อนโดยง่าย คุณนักแสดงโต้ตอบกลับด้วยการทำแบบเดียวกันอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อไม่มีใครยอมใคร ต่างตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อน และคงไม่มีใครได้เห็นว่าภายใต้การต่อสู้ระหว่างปากต่อปากนั้น ลิ้นร้อนทั้งสองกำลังเกี่ยวกระหวัดรัดติดราวกับว่าสารเหลวในช่องปากนั้นคือกาวเชื่อมอย่างดี ต่างคนต่างปรับบิดองศาหน้าให้อีกฝ่ายรุกล้ำและดื่มด่ำกับรสจูบแบบชนิดสูบวิญญาณ
“อืม…”
“อ๊ะ…อื้อ…อือ”
เสียงครางประกอบอารมณ์วาบหวามนั้นคลอเคล้าไปกับท่วงจังหวะของเสียงดูดดึงเนื้อหยุ่นนุ่มอมชมพูจนดังลั่นไปทั่วห้อง มือเล็กจับบ่าแกร่งเอาไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์เสียวที่เริ่มจะกักเก็บเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนที่เรียวแขนจะเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนไปเป็นการโอบรอบคอของร่างสูงให้เจ้าตัวได้ชิดใกล้กันมากกว่านี้
ในขณะที่ริมฝีปากหนากำลังช่วงชิงความหวานภายในโพรงปากของร่างบาง มือหนาทั้งสองข้างก็คอยแต่จะปัดป่ายลูบไล้เนื้อนิ่มไปแทบจะทุกส่วนสัดของคยองซูไปด้วย ถึงจะมีสรีระที่เล็กกว่าเขาแต่เจ้าตัวกลับมีเนื้อหนังที่นิ่มและจับได้เต็มมือมากกว่าเพศหญิงเสียอีก แม้ว่าบนร่างกายที่จงอินชื่นชอบนั้นจะยังติดกลิ่นมิ้นต์เย็นๆ จากการที่คนตัวเล็กเพิ่งผ่านการสูบบุหรี่และเคี้ยวหมากฝรั่งมาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์สำหรับเรื่องอย่างว่านั้นลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
ก้นพีชเนื้อแน่นซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงทรงเดฟรัดรูปถูกจับและยกขึ้นจนลอยหวือด้วยมือและแรงส่งจากลำแขนแกร่งของจงอินทั้งๆ ที่ริมฝีปากหนายังคงไล่บดเบียดตะโบมจูบอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งร่างบางได้นั่งอยู่บนหน้าตักของร่างหนาอย่างเต็มพื้นที่
“ถึงพี่จะดูผอมลงกว่าเมื่อก่อน แต่พอจับแล้วก็ยังเต็มมือผมเหมือนเดิมเลยนะครับ” พอหักห้ามใจผละใบหน้าออกจากการขโมยลมหายใจของคนที่อยู่บนตักได้เท่านั้น จงอินก็ส่งสายตาโลมเลียและฉีกยิ้มกว้างจนคนมองเห็นฟันแทบจะครบทุกซี่ในรอบหลายปีพร้อมกันนั้นก็ใช้ลำแขนโอบรัดเอวของพี่คยองซูเอาไว้จนแทบจะไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน
ทั้งคำพูดและท่าทางแสนเจ้าเล่ห์ บวกกับแววตาวิบวับของคุณหมอนั้นเรียกเอาริ้วสีแดงอ่อนให้ปรากฏอยู่บนพวงแก้มของคุณนักแสดงได้อีกครั้ง
“อะ..อะไรเล่า!”
“ฮั่นแหนะ! รู้นะว่าเขิน เฮ้ๆ! อย่าเพิ่งตีครับ พี่ฟังผมพูดให้จบก่อนซี่” คุณหมอจงอินรีบชิงพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่อาวุโสวัยกว่าเตรียมง้างแขนขึ้นมาและกำหมัดเตรียมเอาไว้ใช้ทุบเขา
“…” ในเมื่อยังทุบเจ้าเก้าอี้มนุษย์ไม่ได้ คยองซูจึงเบะปากใส่แทนเพราะว่าเขาถูกขัดใจเนื่องจากทำร้ายร่างกายคนตัวโตไม่ได้ซะที
“ผมก็อยากให้พี่อ้วนขึ้นกว่านี้นะ ดูดิ้เนี่ย แก้มกลมๆ แบบขนมโมจิหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้” คุณหมอคิมจงอินไม่พูดเปล่า นิ้วชี้จิ้มเบาๆ ที่เนินเนื้อขาวๆ อย่างย้ำๆ หลายครั้งบนใบหน้าข้างซ้ายของคนที่นั่งเก๊กตีหน้าขรึมอยู่บนตัก จนเจ้าของดวงตากลมโตต้องตวัดตาจ้องเขม็งเพื่อเป็นการปรามคนตัวสูงกว่า
เนี่ย เวลาพี่คยองซูเขินเจ้าตัวจะเป็นแบบเนี้ยแหละครับ เขินแล้วชอบทำหน้าทำตาดุๆ ใส่ แล้วยิ่งถ้าเขินมากๆ ก็ชอบลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายผมอยู่เรื่อย ให้ความรู้สึกเหมือนแหย่แมวตัวกลมๆ เล่นบนตัก และผมก็ดันชอบแกล้งแมวตัวนี้มากๆ เลยซะด้วยสิ
“งั้นเหรอ เป็นเพราะช่วงนี้พี่ถ่ายหนังแนวแอคชั่นสายลับอยู่ด้วย ต้องซ้อมมวย ซ้อมศิลปะการต่อสู้แบบอื่นๆ แถมยังโดนผู้กำกับสั่งให้ลดน้ำหนักอีก” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มร่ายยาวด้วยความรู้สึกเหนื่อยกับการทำงานชิ้นนี้ มันไม่ได้เหนื่อยที่ใจแต่เป็นร่างกายมากกว่า เพราะว่ามันรู้สึกเมื่อยล้าพาลให้เหนื่อยอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่ยังไงพี่ก็ควรกินข้าวเยอะๆ ด้วยสิครับ” มือปลาหมึกของคุณหมอก็ยังคงลูบสัมผัสและแอบดึงเนื้อแก้มไม่ยอมหยุด พร้อมกับดวงตาสีรัตติกาลถ่ายทอดความห่วงใยออกมาให้อีกคนได้รับรู้
“เมื่อกี้พี่พูดว่าไง? พูดไม่รู้เรื่องนะเราน่ะ เป็นถึงคุณหมอรักษาตา แต่ฟังที่พี่พูดแค่รอบเดียวก็ไม่เข้าใจเหรอครับ หืม?” คยองซูกดน้ำเสียงให้ต่ำลง เขารู้ว่าเจ้าคุณหมอสายตาคนนี้เป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่ไอ้อาการต่อล้อต่อเถียงไม่หยุดปากนี่มันก็น่าทุบจริงๆ
“เอ้าพี่ ผมเป็นหมอรักษาตานะไม่ได้เป็นหมอรักษาหูซะหน่อย โอ้ย!! พี่!! ทุบมาได้ไง ผมเจ็บนะเว้ย” ยังไม่ทันที่จงอินจะพูดจากวนประสาทคนอายุมากกว่าให้จบสำเร็จตามความนึกคิด เจ้าตัวก็โดน
พี่คยองซูสวนด้วยการส่งกำปั้นเล็กๆ แต่คงน้ำหนักแน่นและเต็มไปด้วยแรงมหาศาลตรงมาที่แผ่นหน้าอกของเขาจนต้องสบถเสียงออกมาเนื่องด้วยความเจ็บที่แล่นปร๊าดไปถึงต่อมรับความรู้สึกในสมอง
“ก็-นาย-มา-กวน-ตีน-พี่-ก่อน-ทำ-ไม-ละ-ครับ”
“แล้วกวนใจได้ป่ะ? นี่พี่! หยุดทุบเลยนะ” จงอินรีบคว้าข้อมือของคนตัวเล็กก่อนที่เขาจะโดนทุบซ้ำอีกรอบโทษฐานพูดจากวนประสาทไม่หยุด คุณหมอดึงรั้งใบหน้าหวานแต่แฝงความเข้มของคุณนักแสดงให้เข้ามาใกล้อีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยถ้อยคำที่ชวนให้หัวใจอีกฝ่ายพองโต
“ผมโคตรคิดถึงพี่เลยครับ”
“พี่ก็โคตรคิดถึงนายเหมือนกัน” ถึงคยองซูจะทำใจกล้าเอ่ยออกมาว่าคิดถึงตามความรู้สึกจริงๆ จากข้างในหัวใจ แต่อีกด้านหนึ่งนั้นเขาก็เขินอายเกินกว่าที่เมื่อพูดออกไปแล้วจะทนจ้องหน้าอีกฝ่ายได้นานๆ ร่างเล็กจึงพยายามหยัดกายลุกขึ้นและพยายามขืนสลัดตัวให้หลุดจากการอ้อมกอดของจงอินเพื่อจะหนีไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม
แต่ดูเหมือนว่าคุณหมอหนุ่มจะรู้เท่าทันคนไข้เสียก่อนแล้ว ทั้งสองแขนสีแทนจึงโอบรัดเอวคอดกิ่วแน่นกว่าเดิม สองมือจับหมับเข้าที่ช่วงต้นขาเนื้อแน่น ออกแรงยกร่างบางขึ้นและตัวเองก็หยัดตัวลุกขึ้นจนเต็มความสูง ด้วยความตกใจของคุณนักแสดง เจ้าตัวรีบวาดแขนโอบรอบคอแกร่งเอาไว้แน่น สองเรียวขาเล็กก็เกาะเกี่ยวเอวสอบเนื่องด้วยกลัวตัวเองจะตกกระแทกกับพื้นห้องจนดูเหมือนว่านายแพทย์ตัวสูงมีลูกลิงตัวขาวๆ เกาะอยู่บนตัว
“จะ…จะทำอะไร” คยองซูรีบถามคนตัวสูงทันทีที่เจ้าตัวนั่งลงพิงกายกับพนักพิงโซฟาเบด โดยที่เขายังคงนั่งอยู่บนหน้าตักแกร่งเหมือนเดิม คนตัวจ้อยใช้ฝ่ามือวางแหมะอยู่บนหน้าท้องที่อุดมไปด้วยลอนกล้ามหกลูกเพื่อยันตัวจะลุกขึ้น แต่ไม่ทันไรเจ้าตัวก็โดนคุณหมอจอมเอาแต่ใจฉวยจับข้อมือ กระชับและออกแรงดึงเพื่อเป็นการบังคับให้พี่คยองซูวางมือลงบนบ่าของเขา
“ลงโทษพี่ไงครับ”
“หื้ม? ข้อหาอะไรไม่ทราบครับ”
“ตอนนี้ไม่บอก แต่ผมรู้แค่ข้อหาติดตัวพี่เพียบเลยล่ะครับ ไม่ต้องห่วง พี่โดนหนักแน่”
“เหอะ กลัวตายล่ะ” เจ้าของริมฝีปากรูปหัวใจกระตุกยิ้มมุมปาก เจ้าตัวเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับยักคิ้วจึกๆ ข้างนึงและส่งสายตาท้าทายเพราะยังไงเขาก็ไม่เคยกลัวคนตรงหน้าอยู่แล้ว
โดยที่ฝ่ายคยองซูนั้นหารู้ไม่ว่าเจ้าตัวเองจะโดนมหกรรมกระหน่ำจุ๊บๆ จากนายแพทย์จักษุที่มีชื่อว่า คิมจงอิน ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
Start…
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองประคองพวงแก้มเนื้อนิ่มอย่างเบามือและทะนุถนอมที่สุด
Go!!
จุ๊บ จุมพิตเบาๆ แต่ให้ความรู้สึกหนักแน่นตรงหน้าผากมนของคยองซู
“ข้อหาแรก ทำไมพี่ชอบดื้อ”
จุ๊บ จุมพิตเบาๆ ที่เปลือกตาทั้งสองข้างของดวงตาแบบ Round Eyes
“ข้อหาที่สอง ทำไมพี่ชอบเถียง”
จุ๊บ จุมพิตเบาๆ ที่ปลายจมูกโด่งทรงหยดน้ำของคนน่ารัก
“ข้อหาที่สาม ทำไมเวลาเขินพี่ชอบทำร้ายร่างกายผม”
จุ๊บ จุมพิตเบาๆ ที่เนื้อแก้มซีกขวาซึ่งกรุ่นกลิ่นอย่างเจือจางของมิ้นต์เย็น
“ข้อหาที่สี่ ทำไมวันงานเลี้ยงฉลองแสดงความยินดีที่ผมเรียนจบและรับปริญญาพี่ถึงไม่เข้ามาหาผมล่ะครับ ผมเห็นนะว่าพี่มาพร้อมกับถือช่อดอกไม้มาด้วยน่ะ”
“อะ…เอ่อ ก็--”
จุ๊บ ริมฝีปากหยักหนาประทับลงบนอวัยวะเดียวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ความหอมหวานและความนุ่มนวลที่ต่างฝ่ายต่างเคยขาดหายไปนั้นตรงเข้าสู่หัวใจของอีกคนได้อย่างง่ายดาย
จูบเบาๆ แต่ทิ้งน้ำหนักอย่างอ้อยอิ่ง และไม่มีใครสนใจที่จะนับเวลาที่เดินผ่านไป
ต่างคนต่างประสานสายตากัน ถ่ายทอดความรู้สึกที่กักเก็บเอาไว้จากข้างในหัวใจ ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้จะไม่มีใครพูดอะไรต่อกันด้วยวาจา แต่ทว่าทั้งคู่ต่างก็พูดคุยและรับรู้ถึงความรักด้วยกันผ่านสายใยแห่งความสัมพันธ์ที่ไม่เคยขาดสะบั้น
“ข้อหาสุดท้าย สัญญาทาสของพี่หมดลงแล้วนะ แล้วทำไมพี่ถึงไม่ยอมมาหาผมซะที รู้มั้ยว่าผมคิดถึงพี่มากๆ เลยนะ ผมเคยแอบไปดูตอนพี่กำลังแสดงอยู่ในกองถ่ายแถวฮงแดเมื่อเดือนก่อนด้วยแหละ--” จงอินพูดระบายความในใจอย่างรัวเร็วราวกับว่ากำลังร้องท่อนแร๊พเพลง Electric Kiss – EXO แต่ยังไม่ทันที่จะแร๊พท่อนนี้จบเขาก็โดนเมนโวคอลที่นั่งอยู่บนตักพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
คยองซูคิดว่า มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องสารภาพความในใจออกมาซะที
“พี่ยอมรับผิดกับทุกข้อหา และ--”
“…”
“และจะเป็นอะไรมั้ย ถ้าพี่จะพูดว่า เวลาแห่งความทรมานจากสัญญาทาสมันจบลงแล้ว และเวลาต่อจากนี้ไป พี่กลับมาหานายได้แล้วนะ”
“พี่--” จงอินรู้สึกว่าเขาน็อคกลางอากาศ ถ้าเปรียบเทียบกับการชกมวยบนสังเวียน นี่คือหมัดอัปเปอร์คัตหมัดแรกจากปลายนวมของพี่คยองซู
“พี่เองคงจะไถ่โทษและชดเชยกับความผิดที่พี่ทิ้งนายไปได้ไม่หมดหรอกนะ เราต่างก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ แต่พี่อยากจะขอร้องนาย ขอร้องว่าให้นายลืมช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันไปได้มั้ย ทิ้งมันไปซะ แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ”
“พี่คยองซู--”
“พี่คงให้สัญญากับนายไม่ได้หรอกถ้าพี่ไม่แน่ใจว่าจะทำตามที่พูดเอาไว้ได้มั้ย แต่ยืนยันได้เลยว่าพี่จะไม่ยอมปล่อยมือนายไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน พี่จะจับมือจงอินเอาไว้แน่นๆ เลยล่ะ”
“พี่ครับ--” เมื่อไหร่จะหยุดปล่อยหมัดฮุคใส่ผมซะทีนะ หัวใจของผมมันเป็นเต้นแรงและเร็วมาก ผมรู้สึกว่าเป็นตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ถ้าผมเกิดหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นมา พี่รับผิดชอบผมเลยนะ!
“แต่..ด้วยหน้าที่และบทบาทที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้ การแสดงความรักต่อกันระหว่างพี่กับนายมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากและยิ่งทำไม่ได้เลยในที่สาธารณะ พี่คงจะจับมือนายระหว่างที่เราไปเดทด้วยกันไม่ได้ หอมแก้มก็ไม่ได้ จูบนี่ยิ่งแล้วใหญ่เพราะพี่มีปาปารัซซี่ตามติดในทุกย่างก้าว แต่--”
จู่ๆ นิ้วชี้ข้างขวาของร่างสูงก็ถูกเจ้าของส่งไปประทับและสัมผัสกลีบปากอมชมพูเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดพูดและพักสูดอากาศหายใจก่อน
อีกอย่างนะ เวลาพี่คยองซูพูดด้วยท่าทีจริงจังเนี่ย..มันมีเสน่ห์มากๆ ริมฝีปากรูปหัวใจขยับตามการออกเสียงในแต่ละวลี ระดับน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ไล่ระดับตามขั้นเสียงของวรรณยุกต์นั้นไพเราะและน่าฟัง ปิดท้ายด้วยแววตามั่นคงไม่มีทางสั่นไหว และเจ้าของแววตานี้ก็กำลังมองตรงมาที่เขา
เสน่ห์แบบนี้ และได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้ คิมจงอินที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้จากโดคยองซู..เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
“ชู่ว พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้วละครับ ผมเข้าใจพี่นะ เข้าใจในทุกๆ อย่างที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้”
“เข้าใจแล้ว..แล้วตกลงมั้ย?” คยองซูยิงคำถามใส่อีกฝ่ายเพื่อต้องการคำตอบแบบคำพูดที่ออกมาจากปาก ทั้งๆ ที่เขาก็รู้คำตอบของจงอินดีอยู่แล้วเมื่อลองอ่านความรู้สึกผ่านแววตาที่เจ้าตัวสื่อออกมา
นายแพทย์หนุ่มชอบรีแอคชั่นจากคนตัวเล็กมากๆ ชอบที่สุด ชอบในเวลาที่เขาคนนี้กวนประสาททั้งทางวาจาและทางร่างกายเพื่อยั่วให้อีกคนโมโหจนต้องลงมือทุบตีอย่างอดไม่ได้
“อืม…ขอคิดดูก่อนได้ป่ะครับ” ไม่วายที่จงอินจะส่งมือไปบีบเนื้อแก้มนิ่มๆ ทั้งสองข้างของคนที่นั่งอยู่บนตักด้วยความมันเขี้ยวในความน่ารักของคนที่เป็นพี่แค่ทางอายุ แต่น่ารักเหมือนกับเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปี
“ย่าห์! พี่เขินนะเว้ย รีบๆ ตกลงซะทีสิ ลีลาชักช้าเดี๋ยวจะโดนพี่ทุบซ้ำอีกรอบ” คยองซูพูดขู่ เจ้าตัวเตรียมง้างแขนและเตรียมกำหมัดเพื่อเตรียมออกแรงทุบๆ เจ้าหนุ่มผิวแทนจอมกวนประสาท
“โหย พี่อ่ะ ให้เวลาผมเล่นตัวอิดออดนิดนึงบ้างได้ป่ะ”
“แล้วตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี่มันยังไม่พออีกเหรอไง จงอิน เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากนะ และพี่ก็อยากให้ทุกวินาทีต่อจากนี้มันมีแต่ความสุขที่มาจากความรักของเรานะครับ” คยองซูกดเสียงต่ำเพื่อให้คนตัวโตรู้ว่าตัวเขาไม่ได้คิดแค่เล่นๆ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจงอิน คยองซูจริงจังกับมันเสมอ
“ผมรู้ แค่อยากกวนประสาทยั่วให้พี่ทุบผมเฉยๆ เองนี่นา–” คุณหมอผิวแทนเอ่ยเสียงอ่อย เจ้าตัวเอาหน้าไปซุกกับแผ่นอกของคุณนักแสดงเพื่อออดอ้อนออเซาะอีกฝ่าย
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
“คร้าบบบบ เชิญบัญชามาได้เลยครับ พี่ตัวเล็ก” จงอินผงกหัวขึ้นจากการซุกอ้อมอกอุ่น แต่ก็ยังมิวายอ้อนคนโตอายุกว่าด้วยเสียงสอง พร้อมกับที่ดวงตาคมจดจ้องอยู่แต่เยลลี่รูปหัวใจ
“เมื่อกี้นี้นายค้างไว้ตรงไหน เรามาสานต่อให้มันเสร็จซะ ดีมั้ย?”
“นี่พี่ยั่วผมเหรอ?”
“เปล่ายั่ว แต่เป้ากางเกงนายมันบอกพี่แบบนี้เอง” คยองซูกำลังพูดถึงสิ่งแข็งขืนที่กำลังพองขยายภายใต้กางเกงแสล็คสีดำและมันดุนดันเนื้อก้นทรงลูกพีชของเขาอยู่ ดวงตากลมก้มหลุบต่ำมองช่วงแกนกลางร่างกายของร่างสูง หลังจากนั้นจึงเงยหน้าที่เจือด้วยแดงก่ำกลับมามองจงอิน
“ว้า~ โดนจับได้ซะแล้ว เอาไงดีครับ” คนเจ้าเล่ห์ลอบเลียริมฝีปาก ดวงตาคู่คมเริ่มฉายแววเสือร้ายกำลังรอขย้ำเจ้ากระต่ายน้อยอย่างปิดบังไม่มิดผิดแผกจากบุคลิกภายนอกของเจ้าตัว
“ก็ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำซะสิ” คยองซูลองพูดกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อรอดูปฎิกิริยาของแฟนน้องตัวโตว่าจะมาไม้ไหน
“ไม่อ่ะ มีความสุขมานั่งอยู่บนตักผมแล้ว ผมจะไปจัดการตัวเองในห้องน้ำทำไมล่ะครับ”
“เฮ้อ จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นเข้า” ร่างเล็กพรูลมหายใจออกมา ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความหัวหมอของคนที่ยึดอาชีพหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นหมอในชีวิตจริง
“โธ่พี่ครับ ตามตารางเวลาตรวจคนไข้ก็มีพี่นี่แหละเป็นคนสุดท้ายของวันนี้ หลังจากนั้นผมก็ว่าง และอีกอย่างคุณพยาบาลซูจีก็ล็อคประตูห้องให้ผมแล้ว”
“งั้นก็ไปต่อที่คอนโดหรือโรงแรม--”
“โหยย พี่ก็รู้ดีนี่ว่าเวลาผมมีอารมณ์อย่างว่า ผมทนเก็บเอาไว้ไม่ไหวหร--”
จุ๊บ!
“พูดมากน่า นายทนไม่ไหว พี่เองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน งั้นก็ทำมันซะในห้องนี่แหละ” คยองซูเอามือไปตะปบแก้มคนเด็กกว่าจนเจ้าตัวปากยู่ ฉกฉวยชิงจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของอีกคนด้วยความไวแสงและรีบผละออกอย่างรวดเร็ว
“อีกละ ปากบอกว่าไม่ได้ยั่ว แต่การที่พี่จุ๊บๆ ปิดปากผมเมื่อกี้นี้นี่ยั่วผมชัดๆ เลยนะครับ” จงอินใช้ดวงตาคมมองไปยังชิ้นเจลาตินที่ขยับมุบมิบออกเสียงบ่นไม่ยอมหยุดพร้อมกับมียกยิ้มมุมปาก ส่วนมือหนาก็ปัดปอยผมหน้าม้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกรักใคร่ปนเอ็นดู
“ก็บอกว่าไม่ได้ยั่วไง เมื่อกี้เขาเรียกว่าจูบเพื่อให้คนพูดมากเงียบปาก นายไม่เคยดูละครเหรอ”
ครับ ไม่ได้ยั่วเลยครับ แต่ขยับสะโพกไปมานี่มันยังไงกันแน่ครับพี่คยองซู
“ผมก็ดูนะ แต่ดูเฉพาะเรื่องที่พี่เล่นด้วยเท่านั้นล่ะ ทุกเรื่องเลย”
“อ่า…งั้นนายก็ได้ดูเรื่องนั้นสินะ มีฉากที่พี่จูบนางเอกในร้านอาหารด้วยน่ะ” คยองซูพูดเสียงอ่อย
“ใช่ครับ เพราะฉะนั้นในตอนนี้ พี่ต้องโดนผมล้างรอยจูบด้วยจูบจากปากของผมซะ” คุณหมอส่งสายตาและทำหน้าเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มอีกครั้ง เรื่องต่อรองนี่ขอให้บอกเพราะชนะตลอดเลยอะครับ โดยเฉพาะกับคนตัวเล็กๆ คนนี้เนี่ย
“ชิส์! เอาแต่ใจ”
“ไม่ใช่แค่เอาแต่ใจ แต่ผมจะเอาตัวพี่ด้วยครับ”
“งั้นก็เอ— อื้อ!!”
เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ริมฝีปากของคิมจงอินตรงเข้าทาบทับและประกบติดกับริมฝีปากรูปหัวใจของโดคยองซู
ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องพึ่งแอลกฮอลล์ที่อยู่ในรูปของสารเหลว และไม่จำเป็นต้องจุดเทียนสปาเพื่อก่อสร้างอารมณ์วาบหวาม เพียงแค่ดวงตาของคนทั้งคู่สอดประสานสบกัน เปล่งสำเนียงและท่วงทำนองของวาจาที่ต่างคนต่างก็พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปาก ปัจจัยเหล่านี้กลับกลายเป็นปฎิกิริยาเคมีและสร้างแรงดึงดูดให้พวกเขาทั้งคู่โรมรันเข้าหากัน ต่อติดและผสานกันราวกับเป็นสีน้ำสองสีที่ผสมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นสีใหม่บนหลุมจานสีของจิตรกรมากฝีมือ
นายแพทย์หนุ่มวางมือลงบนบริเวณเอวคอดกิ่วเพื่อยกร่างบางให้ลุกขึ้น สลับตำแหน่งโดยจับตัวให้ลงมานั่งข้างๆ เขาผลักดันไหล่แคบเบาๆ ให้แผ่นหลังของคุณนักแสดงแนบไปกับเบาะหนังเนื้อดี ส่วนตัวเองก็เท้าศอกคร่อมคนใต้ร่าง และจู่โจมกลีบปากเนื้อนิ่มอย่างรวดเร็วไม่ให้อีกฝ่ายตั้งสติได้ทัน
กลีบปากหยักหนาทั้งกดและบดเบียดชิ้นเนื้อนุ่มสีอมชมพูด้วยความหิวกระหายราวกับคนอดอยากปากแห้ง ชายหนุ่มตัวยักษ์ค่อยๆ แทรกลิ้นเพื่อเข้าสำรวจภายในโพรงปากอุ่น ลิ้มรสความหวานหอมราวกับกำลังละเลียดชิมช็อกโกแลตเย็นราดด้วยซอสคาราเมล ลิ้นร้อนและลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดพัวพันอย่างที่ไม่มีใครแยกออกจากกันได้ ในลำคอของคนทั้งคู่มีแค่เสียงซาว์นแทร็คประกอบเป็นเสียงครางอื้ออึงเนื่องด้วยแรงอารมณ์เท่านั้น
มือหนาจับชายเสื้อยืดสีดำสนิทแบบที่คนตัวจ้อยชอบหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่เป็นประจำให้เลิกขึ้น ถกเนื้อผ้าฝ้ายอย่างดีให้กองอยู่ช่วงบริเวณกระดูกไหปลาร้า เผยให้เห็นเนื้อหนังขาวเนียนละเอียดไร้รอยตำหนิใดๆ แผ่นอกที่มียอดถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ช่วงเอวคอดกับสะโพกผายออกเล็กน้อยซึ่งเชื้อเชิญให้ลูบคลำและบีบคลึง เรียวนิ้วปลดกระดุมเหล็กและรูดซิปกางเกงยีนส์ขาเดฟลงให้พ้นช่วงสะโพกไปเท่านั้น เพราะจงอินยังไม่มีความคิดที่จะถอดเสื้อและกางเกงออกไปให้พ้นหูพ้นตาในตอนนี้
“คุณหมอทนไม่ไหวแล้วเหรอครับ” คยองซูกระเซ้าเย้าถาม ทำทีทำพูดว่าตัวเองไม่รู้ไม่ชี้จนคุณหมอตัวโตต้องก้มหน้าลงฟัดกับกลีบปากนิ่ม กดย้ำแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยวหนึ่งทีแทนคำตอบ
ส่วนมือเล็กก็ไม่คิดที่จะอยู่เฉยๆ เขาช่วยปลดเปลื้องแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของร่างสูงทีละเม็ดจนหมดและจับสาบเสื้อแหวกออก เผยให้เห็นผิวสีแทนสวย ช่วงลำตัวอุดมไปด้วยกล้ามหน้าอกขนาดพอดีไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินขนาดตัว ซิกส์แพ็กเป็นลอนหกลูกและเรียงตัวราวกับแท่งช็อกโกแลตบาร์ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขอเอามือไปลูบคลำสักครั้ง และนั่นแสดงให้เห็นว่าถึงจงอินจะมีอาชีพเป็นถึงนายแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องดวงตา ซึ่งเวลาอาจจะไม่ค่อยมีและกำหนดเวลาประจำไม่ได้ แต่เจ้าตัวคงหาเวลาว่างออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มือของคยองซูมาหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงแสล็ค จับเส้นเข็มขัดหนังมันเงา ทั้งแกะและดึงแยกออกจากกันจนเห็นชายขอบกางเกงในสีดำยี่ห้อ Calvin Klein
“คุณนักแสดงก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันเหรอครับ” จงอินก็ถามกลับด้วยคำถามเดียวกันแบบเมื่อกี้นี้เหมือนกับยอกย้อน และคำตอบที่ได้จากคนตัวเล็กไม่ใช่การฟัดปากแบบที่เขาหวังไว้ แต่กลับกันเขาได้หมัดจากกำปั้นเล็กๆ ทุบเข้าที่แผงอกแน่นแบบเบาๆ หนึ่งที
“หึ รู้อยู่แล้วยังจะถามอีก”
“ใช่ ผมรู้ รู้ด้วยว่าตอนนี้น่ะพี่อยากลูบซิกส์แพ็กแน่นๆ ของผมอยู่ ใช่ม้า~”
“เออ! รู้ดี ฉลาดนักนะ” คยองซูแกล้งทำเป็นพูดเหวี่ยงน้ำเสียงติดวีนไปอย่างงั้นแหละ แต่ก็ห้ามมือไม่ให้ลูบช็อกโกแลตบาร์ไม่ได้อยู่ดี
จงอินเคลื่อนกายกลับขึ้นมาทาบทับพี่คยองซูอีกครั้ง เขาเริ่มใช้ริมฝีปากทำหน้าที่ละเลงสร้างรอยตำหนิสีเข้มไปทั่วผิวขาวเนียน ปาดลิ้นร้อนลงสัมผัสยอดอกสีชมพูซึ่งแข็งขืนตามความราคะของเจ้าตัว เม้มเก็บฟันและทิ้งความคมเล็กๆ ของมันให้แตะสัมผัสกับผิวเนื้อหน้าอก ปล่อยให้ตอหนวดสัมผัสกับผิวอ่อนอย่างไม่ตั้งใจ ก่อเกิดเสียงครางหวานจากปากของอีกคนให้ได้ยินผ่านหูเป็นระยะ ทำแบบนี้สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งสองข้างเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม
ทุกๆ การสัมผัสที่มาจากร่างสูงนั้น เขาใส่ความรู้สึกในใจที่ซึ่งแค่คำพูดคงไม่พอลงไปด้วย จงอินลงน้ำหนักการสัมผัสที่ไม่มากเกินไป ด้วยกลัวว่าเขาอาจจะเผลอทำให้คนตัวเล็กเจ็บตัวได้
เพราะว่าเขาเป็นห่วง
และทุกๆ ครั้งที่จงอินสัมผัสก็ไม่ได้เบาจนเกินไป มันหนักแน่นพอและแฝงไปด้วยความอยากและคิดถึงความรู้สึกหลังจากที่เขาได้ไล้สัมผัสทุกส่วนสัดบนร่างกายของพี่คยองซู
คุณหมอจอมเจ้าเล่ห์เลื่อนมือไปที่ขอบผ้ายืดอันเดอร์แวร์ยี่ห้อ Under Armour ของร่างเล็ก ลูบสัมผัสหน้าท้องน้อยด้วยปลายนิ้วอย่างเชื่องช้า ยั่วเย้าปั่นประสาทคนใต้ร่างจนเจ้าตัวรู้สึกว่าร่างกายเริ่มควบคุมไม่ได้ ราวกับว่ามันตอบสนองเองต่อทุกการลูบไล้ที่เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาจากฝีมือคนเอาแต่ใจ
จากคนที่ชอบทุบตีเมื่อถูกแฟนรุ่นน้องขัดใจ กลับกันในตอนนี้มือไม้กลับอ่อนแรงเสียดื้อๆ คยองซูเอาแต่เบือนหน้าหนีคุณหมอเนื่องเพราะว่าดันเกิดเขินอายขึ้นมาซะอย่างนั้น พ่วงด้วยเนื้อแก้มนุ่มเริ่มมีโทนสีแดงแจ๊ดแต่งแต้ม ยิ่งย้ำชัดให้รู้ว่าเจ้าตัวเขินจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น
ปกติแล้วจงอินไม่ค่อยชอบกลิ่นเมนทอลเย็นๆ ค่อนไปทางฉุนจัดแบบกลิ่นบุหรี่ยี่ห้อดังจากต่างประเทศซะเท่าไหร่ เวลาเดินผ่านคนที่สูบจนกลิ่นแบบนี้ติดร่างกายทีไรเป็นอันต้องเบ้หน้าหันมองไปทางอื่นทุกที แต่น่าแปลก พอกลิ่นเมนทอลอยู่บนตัวพี่คยองซู กลิ่นนี้กลับผสมผสานเข้ากับกลิ่นกายของคนที่อยู่ใต้ร่างได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว กลายเป็นกลิ่นใหม่ที่เขาเองก็นิยามมันออกมาเป็นชื่อเรียกไม่ได้ เขารู้แค่ว่ากลิ่นหอมเฉพาะตัวแบบนี้แหละที่มีพลังดึงดูดให้คอยแต่จะสาละวนฝังปลายจมูกไปตามผิวเนื้อโดยเฉพาะช่วงลำคอเพื่อสูดดมกลิ่น โดยที่เขาเองก็ไม่มีทางยอมหยุดง่ายๆ
แน่นอน สัญชาตญาณดิบของชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งซึ่งถูกกักขังเอาไว้มานานได้ถูกปลุกให้ตื่นจากการจำศีล เพราะกลิ่นหอมแบบเฉพาะตัวที่โชยออกมาและยิ่งทวีระดับความยั่วยวนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เจ้าของกลิ่นเองก็ไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
“พี่ยังหอม…หอมไปทั้งตัวเหมือนเดิมเลยนะครับ” คุณหมอไม่ได้แค่พูดเพื่อเอาใจเท่านั้น แต่เขากดฝังจมูกลงตรงเนินเนื้อข้างกกหูพร้อมกับใช้ฟันขบกัดติ่งหูด้วยความมันเขี้ยว ส่วนมือก็ยังคลึงเฟ้นเนื้อนิ่มตรงเนินอกไม่ยอมหยุดจนคนที่อยู่ใต้ร่างต้องร้องครางออกด้วยความกระสันอยาก
“ฮื้อ…ฮ้ะ!…อ๊ะ!..อื๊อ!”
“โคตรหอมเลยว่ะ หอมจนผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” จงอินกระซิบด้วยเสียงที่แหบพร่าข้างใบหูเล็ก ย้ำเน้นๆ ด้วยการไซร้ลิ้นร้อนและดูดดึงผิวเนื้อขาวเนียนตรงซอกคอเบาๆ กระตุ้นให้เจ้าของร่างกายน่าบีบน่าขย้ำต้องส่งเสียงอู้อี้ออกมาเนื่องจากสะกดกลั้นเสียงครางด้วยการเม้มปากแน่น
และนั่นยิ่งทำให้จงอินบ้าคลั่งควบคุมสติตัวเองไม่ได้อีกต่อไป จัดการเลื่อนหน้าขึ้นไปงับปากล่างให้เผยอออกแล้วถือวิสาสะขโมยลมหายใจอีกฝ่าย กลั่นแกล้งให้พี่คยองซูส่งเสียงครางหวานระหว่างช่วงที่เขากำลังตะหวัดเอาลิ้นเกี่ยวกันอยู่ข้างใน
เสียงครางเร้าอารมณ์และความหวานในโพรงปากของพี่คยองซู มีแค่คิมจงอินเท่านั้นที่จะได้ยินและได้ชิมด้วยปากของเขาเอง เพราะต่อจากนี้ไป ทั้งตัวและหัวใจของคุณนักแสดงต้องเป็นของคุณหมอคนนี้แค่คนเดียว เขาจะไม่มีวันยอมยกพี่คยองซูให้ใครหน้าไหนโดยเด็ดขาด
ร่างสูงในชุดกาวน์ผละหน้าออกจากการตะโบมจูบ จัดการส่งมือหนาล้วงเข้าไปที่ชั้นในสีเทา คลึง เคล้นบีบนวดส่วนแกนกลางขนาดพอดีจนมันแข็งสู้มือ ภาพที่จงอินเห็นในตอนนี้คือใบหน้าหวานกำลังส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมละเอียดสีดำสนิทคลี่กระจายไม่เป็นทรงอีกต่อไป เจ้าตัวกัดปากจนห้อเลือดสะกดกลั้นเก็บเสียงคราง ช่างเป็นภาพเคลื่อนไหวที่โคตรเซ็กซี่ คุณหมอยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจในผลงานการเล้าโลมของตัวเอง ก่อนที่จะจัดการปลดกางเกงขาเดฟออกด้วยมือและโยนทิ้งลงกับพื้นห้องอย่างรวดเร็ว
คยองซูเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับหลับตาพริ้ม หลังแอ่นไม่ติดเบาะและหอบหายใจอย่างหนักเพราะเขากำลังถูกมือใหญ่ข้างนึงชักรูดส่วนกลางลำตัวของเขาอย่างไม่คิดออมแรง ฝ่ามือหนาทั้งบีบทั้งรูดรั้งด้วยความเร็วจนส่วนปลายหัวหยักเริ่มปริ่มด้วยน้ำใส ส่วนมือใหญ่อีกข้างจงอินก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่าง ลูบไล้สลับกับการฟอนเฟ้นเนื้อนิ่มเด้งทรงลูกพีชที่ยังคงความแน่นและจับได้เต็มมือเหมือนเดิม
ตอนนี้คยองซูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนว่าเสียงครางอิ๊อ๊ะของเขาจะฟังแล้วเป็นยังไง เพราะแค่ประคองสติให้อยู่กับตัวก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ปล่อยให้อารมณ์ดิบเข้าครอบครองและทำลายสติที่เหลืออยู่น้อยนิดจนย่อยยับไม่เหลือซาก เรียวแขนทั้งสองข้างยกสูงตรงเข้าโอบรอบลำคอแกร่ง กดท้ายทอยจงอินให้ปากของเจ้าตัวบดจูบลงมาอีกครั้งอย่างร้อนแรง
ฝ่ามือร้อนที่ยังคงสาละวนอยู่บนเนื้อนุ่มแน่นช่วงสะโพก ลูบคลึงบีบคลำอยู่นานจนเมื่อจงอินคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มขั้นตอนสานสัมพันธ์ทางกายขั้นต่อไปซะที ร่างแทนจึงผละจากการขยี้ริมฝีปากรูปหัวใจอย่างอ้อยอิ่งแถมยังทิ้งท้ายด้วยการขบดึงกลีบปากล่างและตามเลียชิมน้ำหวานที่ไหลออกมาเลอะจนถึงปลายคาง ร่างสูงเอี้ยวตัวหยิบขวดโลชั่นเจลสูตรอ่อนโยนที่เขาวางติดโต๊ะเอาไว้ใช้ในเวลาผิวแห้งขึ้นมา แน่นอนว่าโลชั่นเจลนี้ใช้ได้กับกิจกรรมเข้าจังหวะได้ด้วยเพราะมันทำมาสารสกัดจากธรรมชาติปราศจากแอลกฮอลล์และสารเคมีอื่นๆ
จงอินเปิดฝาขวดออก บีบโลชั่นเจลลงบนฝ่ามือในปริมาณที่คิดว่าพอใช้และวางขวดเก็บไว้ที่เดิม ก่อนที่จะปาดมันขึ้นมาชะโลมลงบนก้านนิ้วของเขาเอง มืออีกข้างจัดการแหวกสองขาเรียวสีน้ำนมให้แยกห่างออกจากกัน นิ้วใหญ่ลากผ่านร่องก้นอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วสากลากวนรอบๆ รูจีบของช่องทางหลังเพื่อให้คนตัวเล็กคุ้นชินเสียก่อน
คยองซูรู้ดีว่าจงอินนั้นแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว อยากเข้าหาความอบอุ่นในตัวและโหมร่างกายใส่ตั้งแต่ที่เจ้าตัวจับกางเกงของเขาแล้วถอดมันออกเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาสังเกตเห็นว่าจงอินขบกรามแน่น ส่งเสียงคำรามฮึมฮัมแหบสากออกมาในทุกครั้งที่เขาเอามือไปลูบเส้นร่องซิกส์แพ็กแน่นๆ และช่วงร่องวีไลน์ที่คยองซูเห็นกี่ทีก็เขินจนหน้าเห่อร้อนไปหมดแทบทุกครั้ง
ไหนๆ พูดถึงร่องวีไลน์ของนายแล้ว…
พี่ขอลูบตรงนั้นอีกทีก็แล้วกันนะ จงอิน
“อา! ..พี่-- ผมไม่ทนแล้วนะถ้าพี่ยังจะลูบอยู่แบบนี้น่ะ”
“ใครบอกให้นายทนกันล่ะ”
“หึ! พี่พูดท้าทายผมแบบนี้ เดี๋ยวได้รู้แน่ครับ”
“ระ..รู้อะไร— อ๊า! จงอิน ฮ๊ะ!” ยังไม่ทันที่จะเถียงได้จบประโยคดี คยองซูสะดุ้งสุดตัวและระเบิดเสียงครางอย่างไม่เป็นคำสลับกับเรียกชื่อเจ้าคนขี้แกล้งไปมาดังลั่นทั่วห้อง เพราะจู่ๆ ก้านนิ้วใหญ่ก็แทงพรวดเข้ามาที่ช่องทางแคบแถมยังชักเข้าสุดชักออกสุดเป็นจังหวะช้าๆ ราวกับจะสั่งสอนให้เขาจำเอาไว้ว่าอย่าพูดจาท้าทายแบบนี้อีก
ยิ่งเสียงครางหวานถูกปล่อยออกมาผ่านกลีบปากอิ่มรูปหัวใจดังขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งร่างกายรูปทรงอ้อนแอ้นคล้ายคลึงผู้หญิงจะบิดเร่าตามแรงอารมณ์เสียวซ่านมากแค่ไหน แก่นกายขนาดใหญ่ตรงช่วงกลางตัวของจงอินก็ยิ่งพองขยายจนเจ้าตัวรู้สึกปวดหนึบ อยากจะพุ่งเข้าใส่ไสเอวสอบกระแทกแรงๆ จนพี่คยองซูต้องร้องครวญดังขึ้นกว่านี้อีก แต่จิตใจด้านคนดีของคุณหมอก็คอยกระซิบบอกว่าอย่าลืมนะ ห่างหายกันไปตั้งกี่ปี จะให้รังแกร่างกายที่ห่างเหินกับเรื่องอย่างว่ามันก็ออกจะเกินไปหน่อย คงเป็นเพราะจงอินเชื่ออย่างสนิทใจ เชื่อว่าพี่คยองซูคือบุคคลประเภทถ้าไม่ได้รักก็จะไม่ยอมมีอะไรด้วยเด็ดขาด
ดังนั้น หน้าที่ที่ต้องปรนเปรอความสุขให้พี่คยองซูรู้สึกโอเคกับเซ็กส์ในครั้งนี้นั่นก็คือเขา คิมจงอินผู้รู้จักทุกส่วนสัดบนร่างกายเจ้าของกลิ่นเมนทอลแบบเฉพาะตัวเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าช่องทางรักที่ห่างหายกับสิ่งที่เคยคุ้นมานานนั้นตอดรัดก้านนิ้วของจงอินซึ่งกำลังชักเข้าชักออกเสียแน่น จนการที่จะขยับดึงนิ้วให้เป็นจังหวะรวดเร็วกว่าเดิมนั้นเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ
นี่แค่นิ้วชี้นิ้วเดียวยังขมิบรัดแน่นขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นน้องชายที่ขนาดก็ไม่มีคำว่าน้อยในการนิยามของเขาเข้าไปอยู่ข้างในแทนล่ะ คงแทบจะกลายเป็นนกกระจอกกินน้ำตั้งแต่ยังไม่ทันไสกายเริ่มกิจกรรมเข้าจังหวะแน่ๆ
แต่อย่างว่าละนะ การลงทุนมีความเสี่ยง ยิ่งหวังผลกำไรมากแค่ไหน ระดับค่าความเสี่ยงก็ยิ่งทะยานสูงตามปริมาณของผลตอบแทนที่มากขึ้นเท่านั้น
และจงอินคิดว่า การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่ากับความเสี่ยง ได้กำไรสมกับการรอคอยแน่นอน
คนที่โดนเล้าโลมปลุกความต้องการให้พุ่งสูงทั้งสองช่องทางในตอนนี้มีสีหน้าเหยเก หลับตาปี๋แถมยังส่งเสียงครางกระเส่าอย่างไม่มีคำว่าอายอีกต่อไป ส่วนหน้าโดนมือหนาตามแบบฉบับคนออกกำลังกายเป็นประจำทั้งเคล้นคลึงและชักรูดส่วนอ่อนไหวอย่างไม่คิดที่จะปรานีมันเสียด้วยซ้ำ ส่วนช่องทางอุ่นนุ่มด้านหลังก็ถูกคุณหมอหนุ่มเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก จากหนึ่งเป็นสองและสามตามลำดับเพื่อให้ปากทางขยายกว้างพอที่จะเริ่มทำการออกกำลังกายในที่ร่ม
“อ๊าาาา..อาาาา ฮ๊ะ!!”
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ เสียงหวีดร้องลากยาวเนื่องด้วยถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุดเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ส่วนกลางลำตัวขนาดน่ารักปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาอย่างแรงจนกระเซ็นเลอะไปทั่วหน้าท้อง ลามมาจนถึงปลายคางมนและยังเต็มปริมาณในอุ้งฝ่ามืออุ่นของคนตัวสูง ความขุ่นของสีน้ำเชื้อนั้นบ่งบอกว่าพี่คยองซูไม่ได้ช่วยตัวเองมาเป็นเวลานานพอสมควร คนตัวเล็กหอบหายใจแรงและหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง ปลายเท้าและปลายมือจิกเกร็ง แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการโกยอากาศเข้าปอด
คนที่เพิ่งจะแตะขอบสวรรค์เมื่อสักครู่นี้ไม่มีทางรู้ตัวหรอกว่าปฎิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เจ้าตัวแสดงออกมาน่ะ แค่ใส่คำว่า อิโรติก ทดแทนหรือบรรยายประกอบภาพก็คงไม่พอหรอก แถมยังเป็นภาพเคลื่อนไหวชัดยิ่งกว่าระดับ FULL HD เป็นความชัดเจนที่โคตรเร้าอารมณ์กามให้ลุกโชนมากกว่าเดิม จนคุณหมอกล้ามแน่นเองก็ต้องลงมือทำจัดการสานต่อกิจกรรมเพื่อปลดปล่อยความอึดอัดของเจ้าน้องชายของเขาออกไปเสียที
น้ำคาวสีขาวที่ยังคงค้างอยู่บนมือถูกส่งไปป้ายตรงช่องทางรักที่รูจีบกำลังขมิบเกร็งขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วของรุ่นน้องผู้มีผิวสีแทน มืออีกข้างที่ว่างไม่มีอะไรเปื้อนของจงอินก็ถูกเจ้าของจัดการปลดทั้งเสื้อกาวน์ เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงแสล็คและอันเดอร์แวร์สีดำออกอย่างรวดเร็ว เมื่ออาภรณ์ที่ทั้งรัดและคอยปกปิดส่วนลับถูกถอดออกไปแล้ว ท่อนเอ็นขนาดใหญ่สมกับขนาดลำตัวของคุณหมอดีดผึงออกราวกับว่ารอเวลาที่จะเป็นอิสระได้หายใจเสียทีมานาน และอารมณ์กำหนัดที่ใกล้จะแตะลิมิตของมันนั้นแสดงออกมาด้วยการที่ส่วนนั้นขยับขึ้นลงเล็กน้อยอีกด้วย
ไม่จำเป็นที่จะต้องร้องขอให้พี่คยองซูทำออรัลหรือใช้มือช่วยให้กับแกนกลางลำตัวหรือใช้มือช่วย เพราะจงอินยังไม่อยากเสร็จด้วยปากและมือนิ่มๆ ของอีกคนในตอนนี้ ถึงเขาจะชอบในเวลาที่หัวทุยๆ เคลื่อนไหวไปตามจังหวะโยกขึ้นลงตรงหว่างขาของเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าให้เลือกว่าแบบไหนมันโอเคกว่ากัน ชายหนุ่มเลือกที่จะปลดปล่อยอารมณ์ราคะด้วยการกดกระแทกห้วงจังหวะในช่องทางอุ่นนุ่มมากกว่า ถ้าไม่ติดว่าพวกเราทั้งคู่ห่างกันทั้งทางใจและทางกาย เขาอยากจะกดความแข็งใส่ก้นทรงลูกพีชทันทีโดยไม่ต้องสวมใส่ถุงยางเลยด้วยซ้ำ
คยองซูขมวดคิ้วเล็กน้อยและร้องทักทันทีที่เห็นว่าคนตัวโตจับแก่นกายตัวเอง ชักรูดขึ้นลงสองถึงสามที ก่อนจะจับส่วนหัวมาจ่อที่ช่องทางหลังที่กำลังเต้นตุบและขมิบไม่หยุด เพราะปกติแล้วก่อนจะบรรเลงเพลงรัก จงอินมักจะชอบให้เขาทำออรัลกับน้องชายขนาดเขื่องของเจ้าตัวก่อนเสมอ
เขาเกือบจะพาลูกชายแสนรักเข้าไปหาความอบอุ่นได้อยู่แล้วเชียว ถ้าพี่คยองซูไม่พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
และเกือบจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ายังไงก็ต้อง safe sex ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของทั้งเขากับพี่ตัวเล็ก
“ไม่อยากให้พี่ออรัลให้เหรอไง”
“จริงๆ ก็อยากให้พี่ทำให้ผมอยู่นะครับ ซี้ด.. แต่ตอนนี้ผมแบบ…อาห์!”
“ยังไง หรือว่าไม่ไหวแล้ว?”
“อึก! รู้แล้วยังจะถามอีกนะครับ” ใบหน้าคมขบกรามแน่นกลั้นเสียงคำราม จงอินเอี้ยวตัวไปข้างหลัง จัดการเปิดลิ้นชักล่างสุดแล้วหยิบซองฟรอยด์สีเงินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขึ้นมา ก่อนจะยื่นส่งให้กับคนตัวเล็กที่มีสภาพกึ่งเปลือยเปล่าเพื่อให้เจ้าตัวเป็นคนแกะและสวมใส่ชิ้นเนื้อยางสีขาวขุ่นลงบนอาวุธของเขา
ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นนั่ง ในระหว่างที่ยื่นมือไปรับซองถุงยางอนามัยจากคนตรงหน้า เขาแอบลอบกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากดังเอื้อก เพราะได้เห็นกระบอกปืนของคนตัวโตแบบชัดเจนเต็มตา ถึงเมื่อก่อนเขาจะได้เห็นมันบ่อยๆ ก็ตาม แต่พอห่างเหินกันไปนานๆ แล้วกลับมาพบกันอีกครั้ง คยองซูก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้น เขินและเสียวตรงท้องน้อยไม่ได้กับขนาดกระบอกปืนที่ดูเหมือนจะพัฒนาความใหญ่โตเพิ่มขึ้นไปอีก
“จงอินนา จะให้พี่ใส่ให้แบบไหนดีครับ ธรรมดาหรือพิเศษ?” คยองซูพูดไปด้วยก็จับชายผ้าสีดำเนื้อดีไปด้วย แล้วยกขึ้นสูงเพื่อถอดเสื้อยืดที่ตัวเองสวมใส่ออกทางศีรษะ โยนมันทิ้งลงกับพื้นห้องเย็นเฉียบอย่างไม่ใยดี หันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือด้วยการใช้ฟันที่เรียงตัวสวยภายในช่องปากฉีกกัดมุมซองจนขาดและหยิบชิ้นยางลาเท็กซ์สีขุ่นออกมา
“อะ..เอาแบบพิเศษก็แล้วกันครับ อึก! เพราะผมเองก็อยากรู้ว่าพี่ยังจำวิธีใส่แบบนี้ได้อยู่มั้ย”
“เหอะ ปากดี เดี๋ยวเอาฟันขูดจงอินน้อยซะเลยนี่”
“จงอินน้อยแต่ขนาดไม่น้อยนะครับ”
“พูดมาก งั้นใส่แบบธรรมดาเลยละกัน”
“โหยยย พี่คยองซูอ่า” จงอินรีบเปิดโหมดแปลงร่างเป็นคุณหมอหมีขี้อ้อนทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่ตัวเล็กบอกปัดเปลี่ยนใจ ขยี้ย้ำสกิลออดอ้อนด้วยการทำปากจู๋และกะพริบตาปริบๆ พร้อมกับเอามือไปประคองแก้มนิ่มๆ ของอีกฝ่าย และเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าหวานเพื่อรอจังหวะปิดปากรูปหัวใจด้วยปากของเขา
แต่จริงๆ แล้วคยองซูก็ทำเป็นพูดแกล้งไปอย่างงั้นแหละ เพราะอยากเห็นท่าทางน่ารักๆ แบบเด็กน้อยขี้อ้อนที่จงอินชอบทำในเวลาที่พวกเรานั้นอยู่ด้วยกันแค่สองคน เป็นการเติมกำลังใจให้ร่างกายพร้อมสู้บทรักที่น่าจะหนักหน่วงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ริมฝีปากอิ่มซึ่งยังคงบวมเจ่อและมีสีแดงระเรื่อของคนตัวเล็กนั้นชักชวนให้คนตัวโตต้องบดจูบลงไปอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า
พี่คยองซูไม่เคยรู้ตัวหรอกว่าตัวเองน่ะทั้งโคตรน่ารัก โคตรน่ากอด โคตรน่าฟัด และโคตรน่าขย้ำมากขนาดไหน แถมยังมีเซ็กส์แอพพีลที่พุ่งสูงในขณะที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ มีแค่เขาเท่านั้นแหละที่รู้…รู้ในเวลาที่เรากำลังทำรักกันบนเตียง
ถ้าเปรียบเทียบกับขนมหวานสักชนิดหนึ่ง พี่คยองซูก็เหมือนกับช็อกโกแลตผสมวิสกี้ ที่เมื่อได้ลองกัดเข้าไปในปาก กัดเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ความหวานหอมเคล้ากลิ่นสุรานั้นทำให้กายร้อนวูบวาบ มันช่างรุนแรงและมอมเมา โจมตีและสะกดเขาให้หลงใหลได้ในทุกครั้งที่สบตา ในทุกครั้งที่จับมือกัน ในทุกครั้งที่สูดดมกลิ่นกาย ในทุกครั้งที่ได้หอมแก้ม และในทุกครั้งที่จูบกัน จงอินไม่เคยยั้งหยุดห้ามใจตัวเองได้เลย
และในครั้งนี้เองก็เช่นเดียวกัน
“อือ..อือ…อื้อ!” ร่างบางเริ่มส่งเสียงท้วงในลำคอเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจเอาอากาศเข้าปอดไม่ทันเพราะโดนใครบางคนกดจูบบดเบียดริมฝีปากอย่างย้ำแล้วย้ำอีก ถึงแม้ว่าปลายเล็บจิกเข้าที่แผ่นหลังกว้างของอีกคนเต็มแรงเพื่อเตือนให้หยุดจูบได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่สนใจอยู่ดี เข้าทำนองยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งห้ามก็ยิ่งทำ
มันก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละกับสโลแกน ‘ถ้าผมจูบแล้วปากพี่ยังไม่บวม อย่าเรียกผมว่าจงอิน’
พอได้จังหวะที่คุณหมอถอนริมฝีปากออกไปอย่างชะล่าใจไม่กดจูบตามซ้ำอย่างรวดเร็วแบบครั้งก่อนหน้า คนตัวเล็กจึงรีบผลักอกที่แน่นด้วยกล้ามเนื้อเพื่อให้เจ้าตัวเลิกนัวเนียไล่กินปากเขาสักที
คยองซูยันตัวลุกขึ้น จัดแจงจับคนตัวใหญ่ให้นั่งพิงกับเบาะโซฟาเบด ส่วนตัวเองก็นั่งลงคุกเข่าตรงกลางหว่างขาของอีกคนเพื่อเริ่มต้นการใส่(ใจ)แบบพิเศษ
จงอินขยับขาให้อ้าออกกว่าเดิมเพื่อให้เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ส่วนกลางตัว มือนิ่มจับมังกรยักษ์ที่ตั้งชัน จับชักรูดขึ้นลงสักสองสามทีอย่างช้าๆ เพื่อให้ตัวเองลดความตื่นเต้นลง แต่นั่นดันส่งผลและเล่นงานให้คนผิวแทนต้องขบกรามแน่น เพราะเขาเองก็ห่างหายจากสัมผัสนุ่มหยุ่นแบบนี้มานานหลายปี
ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากอิ่ม ดวงตากลมแอบฉายแววเจ้าเล่ห์เพราะเจ้าตัวนึกสนุกอะไรบางอย่าง มือนิ่มยังคงนวดและกำรูดส่วนแข็งขืนอยู่แบบนั้นแต่ก็ไม่ยอมทำอย่างอื่นต่อ คยองซูอยากกลั่นแกล้งต่ออีกสักนิดสักหน่อย ให้จงอินรู้สึกเสียวแต่ก็เสียวได้ไม่สุด
“พี่ครับ อย่าแกล้งผมซี่” เสียงทุ้มปนแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงถูกใช้เอ่ยออกมาเชิงขอร้องคนที่อายุมากกว่าแค่ปีเดียวให้หยุดแกล้ง เพราะเขาเริ่มอดกลั้นข่มตัวเองไม่ไหวแล้ว
“อะไร ไม่ได้แกล้งเลยนะ อย่ามามั่ว”
“แกล้งผมแบบนี้ระวังก้นพี่จะช้ำนะครั--- อึก!…อาห์ ซี้ด”
คยองซูไม่รอให้จงอินได้พูดจบประโยคและก็ไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ลิ้นเล็กที่เคยเลียปากเมื่อครู่กลับลงลิ้นหยอกล้อส่วนหัวหยักแดงก่ำ ในขณะที่ดวงตาคู่สวยก็ปรือมองอีกคนอย่างยั่วยวน ทำเอาคุณหมอที่คอยมองอยู่แล้วเกิดอาการใจเต้นแรงและยิ่งเต้นถี่รัวมากขึ้นเมื่อคุณนักแสดงหยิบเอาปราการชิ้นบางใส่เข้าไประหว่างกลีบปากสีหวาน มือเรียวจับท่อนเอ็นให้จ่อตรงกับปากและอมครอบปลายแท่งร้อน และเริ่มดันเนื้อยางสังเคราะห์ด้วยลิ้นกับฟันให้ค่อยๆ รูดรั้งถุงยางให้ครอบจนหมดลำ ในขณะที่อีกคนซึ่งถูกปรนเปรอก็ส่งมือร้อนมากลุ้มกลุ่มผมนิ่มละเอียดเพื่อระบายอารมณ์ใคร่
ร่างบางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ซึ่งทุกการเคลื่อนขยับตัวนั้นดวงตากลมโตยังคงจดจ้องมองเรือนร่างสมบูรณ์แบบราวกับ ‘เดวิด’ ประติมากรรมรูปสลักหินอ่อนที่รังสรรค์โดยมีเกลันเจโล โดยที่เจ้าตัวแทบจะไม่มองไปทางอื่นเลย และไม่ต่างกันกับอีกคนเพราะว่าร่างสูงเองก็ทำแบบเดียวกัน
“เมื่อกี้นี้น่ะ…นายพูดว่าให้พี่ระวังอะไรนะ?” คยองซูถามเพื่อทวนประโยคที่คุณหมอพูดไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าอีกครั้ง ก็เป็นเพราะว่าเขามัวแต่สนใจใส่เสื้อให้จงอินน้อยอยู่
“มานั่งบนตักผมก่อนสิครับ ผมถึงจะบอก” มือหนาตบลงบนหน้าตักตัวเองเบาๆ พร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มเป็นการบอกใบ้ให้คนตัวเล็กรู้ว่า ได้เวลากินลูกพีชของผมแล้วครับ
คยองซูกรอกตามองเพดานห้องพลางเบะปากใส่ร่างสูง ปากอิ่มขมุบขมิบเหมือนจะบ่นอะไรไม่รู้กับตัวเองเงียบๆ พร้อมๆ กับที่แก้มขาวเหมือนโมจินั้นมีสีแดงแต้มจนทั่ว จงอินเห็นท่าทางแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ จนคนขี้เขินที่เดินไปอยู่ตรงโต๊ะทำงานนั้นต้องหันหน้าขวับกลับมาตวัดตามองอีกคนด้วยสายตาที่เขาเองก็คิดว่ามันดุมากแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่ารุ่นน้องมันไม่สะทกสะท้านเลยด้วยซ้ำ
“โต๊ะทำงานของนายดูเรียบร้อยดีนะ เป็นคนจัดเองเหรอ?” ปลายนิ้วเรียวสวยกรีดกรายกับขอบโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยกองเอกสารที่ถูกจัดเข้าเป็นกองๆ อย่างมีระเบียบ
“อือ ผมติดนิสัยมาจากพี่น่ะแหละ มันชินแล้วด้วยเพราะว่าตอนอยู่ด้วยกันพี่ก็บ่นผมทุกวันเรื่องผมไม่ยอมจัดโต๊ะอ่านหนังสือให้เรียบร้อยตลอด” จงอินพูดเรื่องจริงตามที่ได้พูดออกไป
ถ้ามองคนตัวเล็กจากลุคภายนอกอาจจะดูเงียบนิ่งและซังนัมจาสุดๆ หลายคนที่ไม่ใช่คนใกล้ชิดอาจจะไม่รู้เลยว่าพี่คยองซูมีความเป็นคุณแม่บ้านสูงมาก แถมยังเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ครบ ขนาดเสื้อที่แขวนอยู่ในตู้ยังต้องแขวนแบบเรียงสีไล่ตามเฉด จัดพวกหนังสือเรียนหรือตำราแพทย์ของเขาซึ่งจัดเรียงตามวันเวลาที่เขามีเรียนอีกด้วย พอเขาไม่ยอมจัดโต๊ะเพราะคิดว่ายังไงมันก็ต้องกระจัดกระจายอยู่ดี แต่พอพี่ตัวเล็กเห็นว่าเขาไม่ทำก็บ่นกระปอดกระแปดใส่
ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ทุกๆ เรื่องที่บ่งบอกความเป็นตัวเองและตัวตนของพี่คยองซู จงอินตกหลุมและหลงรักสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อแม้
“อือหึ”
“ทำไมอ่า มันยังไม่เรียบร้อยเหรอครับ”
“เปล่าหรอก มันเรียบร้อยเกินไปต่างหากล่ะ” เสียงนุ่มหวานบอกทั้งๆ ที่เจ้าของน้ำเสียงไม่ได้มองหน้าคนตัวโตที่นั่งอ้าขากว้างอยู่บนโซฟาเบดเลยด้วยซ้ำ ร่างบางเอามือทั้งสองข้างวางเท้ากับพื้นที่ว่างบนโต๊ะ กลายเป็นท่าโก่งโค้งตัวแอ่นก้นงอนนิดๆ ทำเอาคุณหมอเจ้าของโต๊ะที่มองตามอยู่ก่อนแล้วถึงกับจ้องตาไม่กระพริบและลอบกลืนน้ำลายลงคอ
คุณหมอหนุ่มเองก็บอกไม่ได้ว่าภาพที่เห็นอยู่เต็มสองตาจนทำให้ลมหายใจแทบสะดุดขาดห้วงนั้น คุณนักแสดง ตั้งใจยั่ว หรือ เผลอลืมตัว กันแน่
แต่ในตอนนี้ จงอินบอกได้เลยว่า ก้นอวบทรงลูกพีชน่ะ ต้องมีการประทับตราความเป็นเจ้าของด้วยรอยแดงจากฝ่ามือของเขาแน่นอน
อ่า…เห็นทีว่าเขาคงจะต้องบอกลามือซ้ายและมือขวาที่คอยอยู่เป็นเพื่อน เพื่อนที่คอยคลายเหงาและคลายอารมณ์กำหนัดให้ลูกชายยามห่างไกลอดีตคนรักเสียที
เพราะว่าลูกชายอันใหญ่โตของเขาอยากเข้าไปหาความอบอุ่นและความแน่นจากเรือนร่างที่น่าขย้ำแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
จงอินรีบลุกขึ้นจากการนั่งทนปวดหนึบตรงแกนกลางกายบนโซฟาเบด สาวเท้าก้าวเดินตรงเข้าไปหากอดคนตัวเล็กจากข้างหลังอย่างฉับไว มือหนาที่ร้อนจากการสูบฉีดของเลือดวางตะปบลงบนเนื้อสะโพกนิ่มพร้อมกับขยำเสียเต็มแรง ทำเอาคยองซูสะดุ้งตัวด้วยความตกใจและขนลุกซู่ขึ้นมา หันหลังและช้อนดวงตาที่ฉ่ำน้ำมองอีกฝ่ายอย่างสื่อความต้องการ
“งั้นพี่คงต้องช่วยผมทำให้โต๊ะมันรกๆ แบบ ‘เมื่อก่อน’ แล้วละครับ” ปากหยักพ่นลมร้อนคลอเคลียข้างใบหู กระซิบด้วยเสียงทุ้มปนแหบพร่าแสนเซ็กซี่ ทำเอาคนฟังเกิดอาการหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
มือสากสาละวนคลึงเคล้นเนื้อแน่นนิ่ม ทั้งลูบทั้งบีบเอามือลากผ่านแทบจะทุกส่วนสัดของร่างกายที่ซ่อนรูปและความอวบอัดเอาไว้ เรียกเสียงคราวผะแผ่วออกจากกลีบปากอิ่ม จงอินฝังใบหน้าลงกับลาดไหล่แคบ สูดดมกลิ่นเฉพาะตัวและขบเม้มฝังรอยดูดสีเข้มเอาไว้บนผิวขาวเนียนช่วงบริเวณนั้น
จริงๆ แล้วจงอินอยากฝังรอยคิสมากส์แสดงความเป็นเจ้าของไว้บนซอกคอของพี่คยองซูมากกว่า แต่ติดที่ว่าอีกฝ่ายเป็นดาราชื่อดัง เกิดเดินออกไปจากโรงพยาบาลแห่งนี้แล้วดันเจอแจ็กพ็อตเป็นพวกปาปารัซซี่เข้าละก็ มิวายเดือดร้อนตกเป็นข่าวต้องคอยตามแก้อีกแน่ๆ แถมพวกเนติเซนหรือนักเลงคีย์บอร์ดบนโลกออนไลน์น่ะจ้องจะขยี้ซ้ำเอาให้จมดินอยู่แล้วด้วย
และการอ้างเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเพราะว่า..จงอินเป็นห่วงพี่คยองซูเอามากๆ
“อยากเห็นคุณหมอจงอินใส่เสื้อกาวน์จังเลยครับ” มือเรียวสวยจับที่ข้อมือหนาก่อนจะเอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงออดอ้อน มีหรือที่เจ้าของชื่อซึ่งถูกนักแสดงจอมยั่วเอ่ยถึงนั้นจะไม่รีบทำตามคำขอ เขารีบผละออกจากการเบียดเสียดร่างบาง ก้าวไปหยุดที่โซฟาเบดและก้มหยิบชุดกาว์นสีขาวตัวยาวซึ่งวางพาดอยู่ตรงพนักพิงมาสวมทับเนื้อตัวเปลือยเปล่าของตัวเอง
นายแพทย์หนุ่มที่จู่ๆ กลายเป็นคนใจร้อนขึ้นมานั้นจับไหล่แคบพลิกให้ร่างเล็กหันหน้าเข้าหาเขา ก่อนจะย่อตัวและช้อนเกี่ยวขาทั้งสองของคุณนักแสดงยกขึ้นสูงจนแขนเรียวต้องโอบลำคอแกร่งไว้แน่น คล้ายกลับว่าเกาะเป็นลูกลิงอีกครั้ง เขาวางร่างพี่คยองซูอย่างเบามือที่สุด ก่อนที่จะบดเบียดริมฝีปากร้อนลงกับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างตะกรุมตะกราม
ในขณะที่โรมรันแลกน้ำลายเกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างไม่มีใครยอมแพ้ให้แก่กันอยู่นั่นเอง จงอินใช้มือข้างที่ไม่ได้ลูบคลึงเนื้อสะโพกข้างนั้นจัดการแหวกและยกเรียวขาเล็กขึ้น จับฝ่าเท้าวางบนขอบโต๊ะทำงานอย่างหมิ่นเหม่ เขาจัดท่าทางให้พี่คยองซูนั่งอยู่ในลักษณะเป็นรูปตัว M โดยเจ้าของเรือนร่างที่เต็มไปด้วยรอยรักจากการฝีมือการดูดเม้มก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
จงอินจับท่อนเอ็นที่ทั้งแข็งขืนและร้อนจัดจ่อปากทางรักที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยโลชั่นเจลสีใสปนน้ำคาวสีขุ่น เขายังคงไล่ฟัดกินเนื้อปากอิ่มอย่างกระหายอยาก ส่วนหัวหยักสีแดงสดถูกจับให้ลากวนถูไถล่อหลอกรูจีบสีแดงซึ่งกำลังเต้นตุบๆ ราวกับว่ามันกำลังรอคอยต้อนรับเจ้ามังกรยักษ์ตัวนี้ให้ตายใจ ทำเอาคยองซูต้องส่งเสียงครางฮือในลำคอพร้อมกับพลิกเกมไล่ต้อนลิ้นของคนตัวโตด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูง
คยองซูเองรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจงอิน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่โตขึ้นและดูใจเย็นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะเมื่อก่อนคนตัวโตมักจะมีเซ็กส์ด้วยอารมณ์เอาแต่ใจเป็นที่ตั้ง ถึงจะสุขสมแต่ไม่มีคำว่าอ่อนโยนตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างที่คยองซูคิดอีกต่อไปแล้ว จงอินค่อยๆ กดส่วนแข็งขืนเข้าหาความอบอุ่นทีละนิดอย่างใจเย็นและค่อยเป็นค่อยไปจนผลุบหายเข้าไปทั้งแท่ง
คุณหมอหนุ่มยังคงแช่แกนกายใหญ่ไว้ในโพรงอุ่นเพื่อเป็นการปรับสภาพและให้ช่องทางรักคุ้นชินเสียก่อน โชคดีที่มีสารหล่อลื่นอย่างโลชั่นเจลเป็นตัวช่วยไม่ให้เกมรักระหว่างเราทั้งคู่ต้องมีความรู้สึกฝืดแทรกเข้ามา แต่ช่องทางคับแน่นที่กำลังตอดถี่อยู่นั้นทำเอาเจ้าของความใหญ่โตส่งเสียงครางอย่างอดไม่ได้
“ซี้ดดดด อ่า…”
“อ๊ะ! อื๊อ.. บะ--เบาๆ ก่อนนะ อึก!” คยองซูรู้สึกจุกที่ท้องน้อย กลีบปากรูปหัวใจฉ่ำน้ำเม้มเข้าหากันเพราะต้องสะกดกลั้นเสียงคราง ไม่ต่างกันกับจงอินที่ต้องขบกรามแน่นกักเสียงครางต่ำในลำคอ ยังดีที่พวกเราทั้งคู่มีสติหลงเหลือพอที่จะรับรู้ได้ว่ากำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันในห้องตรวจของโรงพยาบาล
เจ้าของเสื้อกาว์นโน้มหน้าเข้าหาและป้อนจูบลงไปอีกครั้ง ลิ้นร้อนกวาดต้อนเอาความหวานทั่วโพรงปากเล็ก ดูดดึงเนื้อปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจโดยไม่สนใจว่าร่างเล็กจะอ่อนเปลี้ยเพราะจูบแบบดีพคิสที่ช่ำชองเสียเหลือเกิน ไม่มีใครเคยรู้หรอกว่าคิมจงอินจูบเก่งมากแค่ไหน มีแค่โดคยองซูเท่านั้นแหละที่รู้
“คนไข้พร้อมรึยังครับ เดี๋ยวพี่หมอจะฉีดยาให้นะ” จงอินกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ชวนให้คนไข้เกิดอาการหน้าร้อนและใจเต้นโครมคราม
ในระหว่างรอคำตอบ คนที่ยึดอาชีพเป็นหมอในชีวิตจริงและกำลังจะเล่นบทคุณหมอฉีดยาคนไข้ในเกมรักในตอนนี้ส่งลิ้นร้อนเข้าโจมตีติ่งหูซึ่งเป็นจุดอ่อนของคนไข้ ทั้งขบกัดและโลมเลียจนเกิดเสียงน้ำลายเฉอะแฉะ ส่วนมือหนาก็เค้นขย้ำแผงอก ขยี้ปลายนิ้วคลึงรอบเม็ดไต ซึ่งทุกการเล้าโล้มนั้นก็เพื่อเบี่ยงความสนใจและให้คนตัวเล็กรู้สึกเสียวซ่านมากขึ้น
“พะ-พร้อมแล้ว อื้อ!”
“พี่หมอ ครางชื่อผมว่า ‘พี่หมอ’”
“อ๊ะ.. พะ-พี่หมอ” คยองซูพยายามกลั้นเสียงครางเท่าที่ตอนนี้จะทำได้ พูดออกไปด้วยเสียงสั่นๆ และเบาหวิว เพราะเขาโดนเจ้าคนร้ายกาจโจมตีทั้งท่อนบนและล่างอยู่นั่น โดยเฉพาะท่อนล่างที่ลำเอ็นร้อนเริ่มขยับช้าๆ
ตั่บ!
“ไม่ได้ยินครับ พูดใหม่” จงอินจงใจขยับแกนกายออกจนเกือบสุดปลาย แล้วก็ขยับกระแทกเข้าไปใหม่ทำให้หน้าขากระทบกับเนื้อก้นนิ่มจนเกิดเสียงตั่บดังลั่นไปทั่ว จงใจกลั่นแกล้งเพราะอยากให้พี่คยองซูแสดงความรู้สึกซ่านออกมาผ่านสีหน้า ให้เปล่งเสียงครางหวานพร้อมกับเรียกชื่อเฉพาะให้มันดังกว่านี้อีก
เพราะว่าเวลาที่ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยอารมณ์กามแบบนี้น่ะ บอกเลยว่า..โคตรเอ็กซ์
“พี่หมอ อึก! ฮ้ะ! พี่หมอ--”
“หืม..ว่าไงครับ”
“เบาๆ ...หน่อยนะครับ เดี๋ยวน้อง..กลับ..ห้องไม่ไหว อ๊า--” คยองซูแหงนหน้าขึ้น กัดปากแน่นพลางปรือตามองจงอินที่กำลังควงเอวสอบในจังหวะที่เริ่มจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความใหญ่โตและการเสียดสีภายในช่องทางหลังนั้นทำให้การที่จะพูดออกมาแต่ละคำดูยากเหลือเกิน
“คนดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่หมอจะไปส่งถึงเตียงเลยครับ” คุณหมอพูดกระซิบประโยคสองแง่สองง่ามข้างๆ ใบหูพลางใช้มือช้อนขาเรียวทั้งสองข้าง จับกระชับยึดช่วงท้องขาอ่อนให้มั่นเพื่อการขยับเข้าจังหวะ พอพูดจบก็ส่งลิ้นร้อนโลมเลียเนื้ออ่อนก่อนที่จะแยงเข้าไปในใบหูเล็กอย่างยั่วเย้าเพราะรู้ว่าบริเวณนี้คือจุดอ่อนของอีกคนในขณะที่ไสกายเข้าออกไม่ยอมหยุดไปด้วย
คุณหมอคิมจงอินในสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์เป็นเด็กเนิร์ด เรื่องเรียนก็ทำคะแนนท็อปเซคในทุกครั้งที่มีสอบ แต่พออยู่บนเตียงกลับสลัดคราบเด็กคร่ำเคร่งในตำราออกไปจนหมด กลายเป็นชายหนุ่มสุดเร่าร้อนแถมยังทำคะแนนเรื่องลีลารักได้ดีเยี่ยมอีกต่างหาก พูดเลยว่าถ้าเต็มสิบคยองซูให้คะแนนเกินร้อยแน่นอน
เสียงของตกหล่นลงพื้น เสียงกึกกักและเสียงเอี๊ยดอ๊าดของโต๊ะทำงานดังลั่นไปทั่วทั้งห้องผสานกับเสียงสวบสาบน่าอายบริเวณช่องทางรักจากกิจกรรมในร่ม จงอินสอดกระแทกท่อนเอ็นร้อนอย่างหนักหน่วงในทุกจังหวะและทุกๆ การอัดย้ำแกนกายนั้นโดนจุดกระสันของคยองซู จนเจ้าตัวต้องเชิดหน้าขึ้น สูดปากร้องซี๊ดซ๊าดเพื่อระบายความเสียวซ่าน ลืมไปเลยว่ากำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่ในโรงพยาบาล คงเป็นเพราะว่าสติพร่าเลือนบินหายไปกับอากาศเสียแล้ว
“มะ—มันลึก พี่หมอ! อ๊า--มันลึกไป” เสียงกระเส่าปนเสียงแหบพร่าของคยองซูที่พยายามยั้งแรงโถมกายของคนตัวยักษ์ที่ใส่อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาอยากจะทุบอกให้เจ้าตัวตายคามือ แต่ก็ทำได้แค่กำชายเสื้อกาว์นตัวยาวยึดเป็นหลักไม่ให้ตัวล้มเพราะเขาเริ่มจะหมดแรงแล้ว
“ซี้ดดดด อ่า—แน่น แน่นมากๆ”
“เบาๆ หน่อย.. อ๊ะ—โอ้—อื้มมม”
ยิ่งคยองซูเสียงครางหวานดังชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นให้จงอินควงสะโพกโถมตัวเข้าใส่อีกคนในจังหวะที่ทั้งเร็วและแรงมากขึ้นเท่านั้น กลีบปากรูปหัวใจฉ่ำน้ำแถมยังบวมเจ่อถูกปิดด้วยการขยี้บดจูบลงมาอย่างเผ็ดร้อน
จงอินจับโคนขาอ่อนแน่น ออกแรงยกอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาทั้งๆ ที่ส่วนบนและส่วนล่างประกบติดกันไม่ยอมห่าง ด้วยอารามตกใจที่จู่ๆ ก็โดนยกตัวจากโต๊ะ คยองซูจึงวาดแขนโอบไหล่คนตัวโตเสียแน่น ดูเหมือนลูกลิงกำลังเกาะแม่ลิงของมันยังไงยังงั้น แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ประเด็นน่าสนใจเท่าที่ตอนนี้ และท่านี้ มันทำให้ส่วนแข็งขืนขนาดใหญ่เข้ามาลึกมากทั้งๆ ที่เขาก็ตัวเด้งโหยงเหยงเพราะแรงกระแทกสวนขึ้นมาอย่างไม่มีหยุด ทั้งจุกทั้งเสียวมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“อ๊ะ…เสียว อ๊ะ…ฮ๊ะ!” ทันทีที่จงอินถอนจูบผละใบหน้าออกไปหลังจากที่ย้ายตัวลงกลับมานั่งบนโซฟาเบดอีกครั้ง คยองซูก็ส่งเสียงหวานร้องครางสนั่น ถึงท่านี้มันจะไม่ได้ลึกเท่ากับท่าอุ้มเมื่อกี้นี้ก็ตาม แต่เจ้ามังกรยักษ์มันก็มุดเข้าถ้ำได้ลึกมากอยู่ดี
ไม่ต้องพูดอะไรกันแต่ทั้งคู่ต่างก็รู้กันดีอยู่ว่าต้องทำอะไร คยองซูออกแรงโยกตัวขย่มกายและทิ้งน้ำหนักลงบนหน้าตักแกร่ง ส่วนจงอินก็ส่งแรงขึ้นมาสวนกระแทกรับกับจังหวะทิ้งสะโพกขย่มน้องชายจากคนตัวเล็กจนเจ้าตัวต้องร่อนเอวกดย้ำส่วนแข็งขืนแรงเพื่อเป็นการปราบพยศเจ้าม้าตัวใหญ่สีแทนตัวนี้
ต่างคนต่างโถมกายใส่ไม่ยั้งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้เซ็กส์ในครั้งนี้มันดูพิเศษแตกต่างจากครั้งก่อนๆ คงเพราะว่ามีความรู้สึกจากหัวใจลึกๆ ปะปนอยู่ด้วย ทั้งคู่รู้ดีว่าความรู้สึกนี้คืออะไร มันคือความคิดถึงกับความโหยหาในร่างกายของกันและกัน และพวกเราก็เติมเต็มความสุขด้วยสัมผัสที่แนบแน่นให้แก่กันจนเต็มหัวใจ
“ผมรักพี่นะครับ พี่คยองซู”
“พี่ก็รักนาย รักมากๆ”
แน่นอนว่าการบอกรักในครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะอารมณ์กำหนัดนำพาให้พูด แต่เป็นเพราะเราทั้งสองคนต่างก็รู้ว่าข้างในหัวใจมีคนๆ เดิมจับจองเป็นเจ้าของและไม่มีวันย้ายออกไปไหน ถึงแม้กายจะห่างกันไปนานแค่ไหนแต่ใจก็ยังเชื่อมติดกันอยู่เหมือนเดิม
เพราะว่าข้างในแววตามันพูดความรู้สึกทุกอย่างออกมาหมดตั้งแต่แรกที่พวกเราได้สบตากันแล้ว
ทั้งห้องมีแต่เสียงร้องคราง เสียงเนื้อกระทบกันจากการควบขย่มร่อนสะโพกกระชั้นถี่หนักแน่น และเสียงหอบหายใจประสานกันเป็นจังหวะ เวลาผ่านไปร่วมยี่สิบนาทีจนเมื่อทุกๆ อย่างกำลังใกล้จะไต่ขึ้นสูงสู่ระดับเพดานสูงสุดแห่งห้วงอารมณ์กำหนัด และทั้งสองผละใบหน้าออกจากกันหลังจากตะโบมจูบอย่างเร่าร้อน
“จะ—จะเสร็จแล้ว อ๊ะ! ฮ๊ะ!” คยองซูร้องบอกคนที่กำลังเด้งเอวสวนกระแทกขึ้นอย่างเร็วแรงที่พอๆ กับจังหวะของเขา
ยิ่งได้เห็นสายตาแวววับบ่งบอกถึงอารมณ์กระหายอย่างขีดสุดและการมองโลมเลียตัวเขาอย่างไม่ละสายตา ช่องทางหลังก็ยิ่งขมิบตอดจงอินน้อยถี่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นแกนกายเล็กที่เสียดสีกับแผงช็อกโกแล็ตบาร์เริ่มมีน้ำสีขาวไหลซึมออกมา
คยองซูเร่งจังหวะอย่างเร็วและแรงขึ้นจนจงอินเปล่งเสียงครางแหบพร่าและส่งเสียงซี้ดซ๊าดอย่างไม่หยุดปาก ทั้งลีลา สีหน้ามีอารมณ์สุดๆ และผนังร้อนที่ตอดรัดส่วนแข็งขืนจากคนตัวเล็กทำเอาจงอินต้องเร่งจังหวะอัดความกำหนัดใส่ไม่มียั้ง ลำแขนแกร่งทั้งสองข้างรีบโอบรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เพราะกลัวแรงที่ร่างเล็กโหมกระหน่ำใส่เขานั้นจะทำให้เจ้าตัวตก ฝ่ามือหนาอดใจไม่ไหวที่จะขย้ำและตีเนื้อก้นนิ่มดังเพี๊ยะ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้เพิ่มขึ้นไปอีกโดยไม่ยักจะกลัวคนบนร่างตัวเองโกรธด้วยซ้ำ
“อึก อ๊ะ! อ้า!!!”
“ซี้ด! –อ่า!!”
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่พายุแห่งอารมณ์กามก็เริ่มจะสงบลงเพราะทั้งคู่ใกล้จะแตะชายฝั่งทะเล
คยองซูจิกฝ่ามือลงบนไหล่กว้างพลางเกร็งกระตุก มือเท้าหงิกงอจิกเบาะโซฟา ดวงตากลมโตหลับพริ้มลงพร้อมกับแกนกายน่ารักพ่นน้ำรักสีขาวเป็นครั้งที่สองพุ่งใส่เลอะเต็มหน้าท้องแน่นกล้ามของจงอิน ส่วนคุณหมอหนุ่มตามมาติดๆ ขบสันกรามแน่นพลางหอบครางพร้อมกับอัดฉีดลูกรักนับแสนเข้าไปในช่องทางคับแน่นใต้ปราการตัวบาง
“แฮ่กๆ” คยองซูอ้าปากกอบโกยอากาศเข้าปอด เรียกได้ว่าคนไข้คนนี้หมดสภาพโดยสิ้นเชิง เจ้าตัวพิงหน้าซบลงบนหน้าอกแกร่ง จงอินกดจูบให้รางวัลบนหน้าผากมนซ้ำๆ ก่อนจะถอนแกนกายใหญ่โตออกจากช่องทางอุ่นนุ่ม
คุณหมอรูดเอายางลาเท็กซ์สีขาวขุ่นที่คลุมส่วนกลางตัวออก จับปลายผูกมัดให้แน่นเพื่อกันไม่ให้น้ำรักที่ปล่อยออกมาในถุงจำนวนมากหกล้นเลอะเทอะ ก่อนที่จะเอี้ยวตัวดึงแผ่นทิชชู่ที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะทำงานออกมา ห่อพันรอบๆ และจับทิ้งลงถังขยะเพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน ส่วนทิชชู่ที่เหลือก็นำไปเช็ดทำความสะอาดทั้งรูจีบแดงช้ำที่ยังหุบเข้าหากันไม่ได้ทันทีของคนตัวเล็ก เช็ดน้ำคาวที่เลอะเต็มหน้าท้องและแกนกายของตนเอง ทั้งคู่ต่างจัดการหยิบเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมใส่บนตัวให้เรียบร้อย
“เดี๋ยวคุณหมอขอวัดค่าสายตาคนไข้หน่อยนะครับ” คุณหมอยกเครื่อง Autofraction ขึ้นมาตรงหน้า กดปุ่มยิงเพื่อถ่ายภาพดวงตากลมโตของคนไข้ ก่อนที่จะขยับตัวเลื่อนเก้าอี้กลับไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แสดงภาพเพื่ออ่านค่าที่เครื่องประมวลผลออกมา
“เย็นนี้ว่างมั้ย?”
“อืม จริงๆ แล้วสายตาพี่ไม่สั้นไม่ยาวนะครับ แต่สายตาค่อนข้างเอียงมากกว่า” จงอินพูดทั้งๆ ที่ตาสนใจมองแต่จอคอมพิวเตอร์ ไม่มองคนตัวเล็กที่ยิงคำถาม
“ไปค้างที่คอนโดพี่มั้ย ในคอมพี่มีเกมOverwatch ด้วยน้า~” --ยังครับ ยังไม่หยุดรัวคำถามอีกนะครับ
“เวลาไม่ได้ใส่แว่น พี่จะมองเห็นเป็นภาพซ้อนๆ มองใกล้มองไกลภาพที่ได้มักจะไม่คมชัดใช่มั้ยครับ” คราวนี้คุณหมอจงอินยอมหันหน้ากลับไปมองคนไข้ตัวเล็กที่กำลังพูดด้วย แล้วภาพที่เห็นคืออะไรรู้มั้ยครับ เจ้าตัวเอามือทั้งสองข้างเท้าคางทำปากเล็กปากน้อยพลางมองตาแป๋ว
โดนแอทแทคหยั่งงี้ก็ตายน่ะสิ
เฮ้อ~ เจ้าตัวแสบ
จู่ๆ ก็เปิดโหมดเด็กน้อยทั้งดื้อทั้งอ้อนเวลาชวนไปไหนแบบนี้ คือพี่คยองซูตัวจริงเสียงจริงแน่นอน คุณหมอไปไม่ถูกเลยครับ คุณหมอแพ้แล้วครับ
“ถ้านายไปค้าง เดี๋ยวพี่ทำข้าวผัดกระเทียมของโปรดนายให้ทานนะ”
“ผมจะให้คำตอบพี่ได้ก็ต่อเมื่อพี่อยู่นิ่งๆ หยุดพูดสักแป๊บนึง ให้ผมตรวจสายตาให้ละเอียดก่อนได้มั้ยครับ” คุณหมอกดเสียงต่ำเพื่อปรามอีกคนให้กลับมาสนใจเรื่องสายตาของตัวเองก่อน แต่ก็นะ…ไม่ได้ผลหรอก เพราะ…
“นายก็ตอบคำถามพี่ก่อนสิ!”
“เฮ้อ~ ก็ได้ๆ ไปสิครับ” จงอินยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าขอยอมแพ้
“ดีมาก!” ริมฝีปากรูปหัวใจขยับขยายเป็นดวงกว้างทันทีที่หูได้ยินคำตอบตกลงจากคุณหมอหนุ่ม
“งั้นเรามาตรวจสายตากันต่อดีกว่านะครับ”
END.
*นี่คือตัวอย่างเครื่อง Autofraction ที่นำมาอ้างอิงในเรื่อง*
TALK
สวัสดีทุกคน เรากลับมาอัพฟิค OS แล้วน้า~ หลังจากที่ไม่ได้อัพมาตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม
(ยกมือไหว้พลางถูมือไปมา) เก๊าขอโต๊ดด ก็เก๊ายุ่งมากๆ เลยนี่นา เราอยู่ปี4 แล้วงะ ต้องทำThesis ด้วยงะ แล้วมันยากมากเลยงะ ฮื่อ;-;
แต่นี่ไง นี่งายยยย เรากลับมาพร้อมกับฟิคสั้นๆ(เหรอวะ) ที่มีคำถึง…ถึง!! ถึง!!! 18,403 คำ!!!!!!
อ่านให้ตาแฉะกันไปข้างนึงเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
เอ้อ! อ่านจบแล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจกันได้ที่Tag #TouchItKS นะ ให้กำลังใจเก๊าเยอะๆน้า ช่วงนี้เก๊าต้องการกำลังใจมากๆ เลย
ขอบคุณทุกๆคนที่ยังติดตามและทวงฟิคอยู่นะคะ เราขอบคุณมากๆ ไว้เรามีเวลาว่างที่มากกว่านี้เราจะกลับมาแต่งฟิคต่อแน่นอน ไม่ทิ้งๆ
ไว้เจอกันใหม่น้า~
สุดท้าย
อย่าชะม้อยชม้ายชายตาให้ชายอื่น และ ข้ารักและคิดถึงออเจ้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น