CUT SCENE - [SF] THE EVE I


นิ้วมือทั้งห้าที่ค่อนข้างไปทางหยาบกร้านนั้นค่อยๆ ลูบไล้สัมผัสตามกรอบใบหน้า ไล่ลงมาตั้งแต่หน้าผากมน แพขนตาสีดำที่เรียงเส้นสวยอยู่บนเปลือกตากลมโต จมูกโด่งมน ริมฝีปากหยักสีกลีบกุหลาบ และผิวแก้มเนียนนุ่มขาวละเอียด

เทพเจ้าแห่งสงครามจับปลายคางของเทพเจ้าแห่งปัญญาให้เชิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นค่อยๆ โน้มลงมาใกล้กับใบหน้าสวยหวานจนปลายจมูกของทั้งคู่ชนชิดติดกัน

ริมฝีปากหยักหนาค่อยๆ บรรจงประทับกับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาและอ้อยอิ่ง จนกระทั่งกลีบปากสีกุหลาบนั้นเผยอออกเพื่อให้เทวาในอาภรณ์ผ้าไหมสีดำนั้นได้เข้ามาครอบครองมากขึ้น

จากรสจูบที่เปรียบได้ดั่งสายลมอ้อยอิ่งในทะเลสาบ ในตอนนี้สายลมได้ค่อยๆ ทวีความรุนแรงและเพิ่มระดับจนกลายเป็นลมพายุในท้องมหาสมุทร สายลมเช่นนี้พัดโหมกระหน่ำจนเป็นตัวจุดเชื้อเพลิงความกำหนัดให้ปะทุรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

“แฮ่ก! --” ดีโอเธซัสแสดงอาการเหนื่อยหอบออกมาเมื่อไคมาริอัสค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า
ราวกับว่าเทพเจ้าทั้งสององค์นั้นติดบ่วงและหลงไหลในรสชาติจูบที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้แก่กันไปแล้ว การจูบอันดูดดื่มเช่นนี้ย่อมไม่เกิดแค่ครั้งเดียวอย่างแน่นอน ยังไม่ทันที่เจ้าของกลีบปากสีกุหลาบจะได้ทันกอบโกยอากาศเพื่อใช้ในการหายใจได้มากเพียงพอ เพราะเจ้าตัวถูกเทวาผู้มีเรือนร่างงดงามสมส่วนตามอุดมคติของบุรุษเพศเข้าครอบครองริมฝีปากอย่างดูดดื่ม

รสชาติจูบราวกับรสชาติของสุราเมรัยชั้นดีนั้นมอมเมาให้เทพเจ้าแห่งปัญญาแทบสิ้นสติ หมดคราบชื่อเสียงและฉายาที่ถูกยกยอว่าเป็นผู้ปราชญ์เปรื่อง ในยามที่ถูกรังแกโดยเทวาจอมเอาแต่ใจเช่นนี้ทำให้ดีโอเธซัสเหมือนกับต้นหญ้าในทุ่งอีลีเชียน ต้นหญ้าที่โอนอ่อนไปตามแต่ที่แรงลมจะพาไป

เทพเจ้าแห่งสงครามใช้มือหยาบกร้านทั้งสองข้างประคองใบหน้าสวยหวานราวกับสมบัติล้ำค่า ในขณะที่กำลังใช้ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กให้พัวพัน รสชาติจูบที่อ่อนโยนและลึกซึ้งนั้นส่งผลให้อารมณ์รักในจิตใจของเทพเจ้าแห่งปัญญานั้นแสดงออกมากขึ้นด้วยการที่เจ้าตัวใช้ฝ่ามือนิ่มค่อยลูบไล้แผ่นหลังที่ดูแข็งแกร่งผ่านเนื้อผ้าไหมสีดำ จนในที่สุดเรียวแขนเล็กของผู้มีเรือนผมสีไวน์แดงก็โอบรอบคอผู้มีเรือนผมสีเทาแล้ว

ไคมาริอัสถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดาย แต่ก็กลัวว่าเทวาตัวเล็กในอ้อมกอดจะขาดอากาศหายใจเพราะถูกเขารังแกด้วย เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบตามอุดมคตินั้นเคลื่อนย้ายเปลี่ยนตำแหน่งโดยเจ้าตัวนั้นนั่งลงบัลลังก์หินอ่อนที่ปูลาดด้วยผ้าซาตินมันเงาสีครีมพร้อมกับประคองเรือนร่างบางเอวคอดให้นั่งลงบนตักแกร่งของเขาโดยแต่ละฝ่ายนั้นหันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่จะถูกแรงดึงดูดนำพาให้ก่อเกิดจูบอันดูดดื่มและเร่าร้อนขึ้นอีกครั้งจนเกิดเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังลั่นทั่วห้องโถง

แก่นกายแห่งความเป็นบุรุษกลางลำกายของเทวาทั้งสององค์นั้นขยายเพิ่มขนาดและแข็งตัวจนพร้อมใช้งานเพราะอารมณ์กำหนัดและการเสียดสีผ่านเนื้ออาภรณ์ที่สวมใส่ เทพแห่งสงครามนั้นไม่ปล่อยให้มือหยาบของเขาว่างงาน ฝ่ามือทั้งสองต่างก็ทำหน้าที่เล้าโลมเพื่อให้เทพแห่งปัญญานั้นพึงพอใจและรู้สึกเสียวในรสมือสวาท โดยมือนึงล้วงเข้าไปใต้ผ้าไหมสีน้ำเงินมหาสมุทรเพื่อเข้าไปสัมผัสช่องทางรักโดยสอดเรียวนิ้วเข้าออก ส่วนอีกมือก็ลูบไล้แก่นกายขนาดพอดีมือไปมาผ่านเนื้อผ้า

ไคมาริอัสถอนริมฝีปากออก เปลี่ยนมาขบกัดและโลมเลียติ่งหูเล็กๆ ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวและไวต่อสัมผัสไม่แพ้กับแก่นความเป็นชาย เมื่อถูกกระตุ้นและถูกเล้าโลมเกือบทุกช่องทาง ทำให้ดีโอเธซัสนั้นไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป เจ้าตัวปลดปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นจนเลอะด้านในของอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่

เมื่อเทวาหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลานั้นคิดว่าการเล้าโลมช่องทางรักเพื่อเป็นการเบิกทางนั้นเพียงพอแล้ว เจ้าตัวถดชายผ้าคลุมสีดำสนิทขึ้นจนเผยให้เห็นแก่นกายขนาดใหญ่ซึ่งไม่ค่อยสมส่วนกับเรือนร่างซะเท่าไหร่และจับให้มันตั้งตรงขึ้น ส่วนอีกมือก็จับชายผ้าคลุมของดีโอเธซัสให้เลิกขึ้นเผยให้เห็นก้นขาวๆ ที่ทั้งเนื้อแน่นและอวบอัด

กิจกรรมการเสพสมกามารณ์นั้นใกล้จะถึงจุดสำคัญ เพราะท่อนเอ็นร้อนที่ตั้งตระหง่านและเป็นสื่อกลางในการหลอมรวมร่างนั้นกำลังผลุบเข้าไปในโพรงรักอ่อนนุ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนมิดด้ามและถูกแช่เอาไว้นิ่งๆ เพื่อเป็นการให้ช่องทางหลังได้ปรับตัวทั้งๆ ที่เจ้าของท่อนเอ็นร้อนราวกับโลหะเผาไฟนั้นแทบจะต้านทานไม่ไหวอยู่แล้ว เทพแห่งสงครามจึงสูดลมหายใจเข้าและผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ เพื่อเป็นการข่มอารมณ์เอาไว้ แก่นกายที่ใหญ่โตและคับแน่นที่กำลังเต้นตุบๆ อยู่ในโพรงรักนั้นเรียกเสียงครางด้วยความเสียวซ่านและเจ็บปวดเล็กน้อยออกจากกลีบปากสีกุหลาบได้เป็นอย่างดี

“ฮะ! อ๊ะ!..อึก!!”

“ชู่ว เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะทำแบบเบาๆ”

“อ๊ะ! อื้อ!”

ดีโอเธซัสนั้นทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าไปด้วยเพราะความเสียวซ่านจากช่วงล่าง ทำให้ก้อนเนื้อในกะโหลกศีรษะไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้เลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวเม้มปากแน่นจนห้อเลือดและส่งเสียงครางในลำคอ เมื่อช่องทางรักนั้นคลายตัวพอที่จะขยับแก่นกายได้บ้าง ไคมาริอัสจึงจับก้อนก้นเนื้อแน่นสู้มือเพื่อควบคุมให้มันขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ

การเสพสมในกามารมณ์บนบัลลังก์หินอ่อนนั้นเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเทพแห่งสงครามนั้นผิดวาจาที่บอกไว้ว่าจะทำเบาๆ แต่เจ้าตัวเองนั้นกลับทำตรงกันข้ามด้วยการไสแก่นกายเข้าหาความอบอุ่นอ่อนนุ่มในโพรงรักด้วยความเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกับเนื้อและเสียงครางอย่างสุขสมของเทพทั้งสององค์ดังลั่นภายในวิหารแห่งนี้

ความเสียวซ่านที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั้นทำให้ต่างฝ่ายต่างตะกรุมตะกรามเข้าครอบครองริมฝีปากอย่างโหยกระหาย จนความอดทนของแก่นกายร้อนใกล้ถึงขีดจำกัดของมัน ไคมาริอัสจึงถอนริมฝีปากออกและใช้กำลังกายกระแทกกระทั้นช่องทางรักอย่างแรงจนไปถูกเข้ากับปุ่มกระสันของดีโอเธซัสจนเจ้าตัวกรีดร้องและปลดปล่อยอารมณ์จนเลอะอาภรณ์อีกครั้ง

“อ๊ะๆๆ อ๊า!!”

“ซี้ด! อาห์!”

การไปถึงจุดสุดยอดของเทพแห่งปัญญานั้นยิ่งทวีการตอดรัดแก่นกายของผู้กระทำอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุด เทพแห่งสงครามนั้นไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป ไสแก่นกายเข้าหาโพรงรักจนมิดด้ามอย่างกระทั้นกระแทกรุนแรง ไคมาริอัสนั้นกอดรัดเรือนร่างของดีโอเธซัสเอาไว้แน่นและครางเสียงกระเส่าดังลั่น พร้อมกับกระตุกช่วงกลางลำตัวและปลดปล่อยน้ำกามสีขุ่นจนเต็มช่องทางรักสีกุหลาบ

ทั้งเทพแห่งสงครามและเทพแห่งปัญญาต่างหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยจากการกิจกรรมกามาซึ่งหลอมรวมร่างให้เป็นหนึ่งเดียวที่เพิ่งเสร็จสิ้น ไคมาริอัสทิ้งร่างกายที่ดูดีและเต็มไปด้วยมัดกล้ามพิงกับพนักของบัลลังก์ ส่วนดีโอเธซัสก็ซบใบหน้าลงกับอกผายด้วยใบหน้าที่แดงซ่านและริมฝีปากบวมเจ่อ

หัวใจของทั้งคู่ต่างก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ที่เคยเปราะบางและมีรอยร้าวนั้นค่อยๆ ประสานจนมีรูปทรงที่สวยงามขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากนี้ต่อไป

————————

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม